27 December 2004

โทะบะ

อาทิตย์ที่แล้วหนีไปสัมมนาแถวโทบะจังหวัดมิเอะ เป็นงานสัมมนาสำหรับนักเรียนโดยได้เงินมาจากโครงการ COE ในงานให้แต่ละแล็บส่งนักเรียนออกมาพูดงานตัวเองแล็บล่ะคน แล้วก็เชิญบุคคลภายนอกมาพูดให้ฟัง เขาเชิญคุณโฮเวิร์ด โกบิออฟจากศูนย์วิจัยของกูเกิลที่โตเกียวมาพูด แกเข้าไปร่วมงานกับกูเกิลตั้งแต่ยังเรียนไม่จบ ตั้งแต่มีพนักงานแค่ 40 คน ตอนนี้รับหน้าที่ตั้งศูนย์วิจัยและหานักวิจัยที่โตเกียวอยู่ เดิมแกดูแลระบบไฟล์ของกูเกิลอยู่ เลยมาเล่าเรื่องเกี่ยวกับสถาปัตยกรรมที่กูเกิลใช้ ฟังแล้วน่าสนใจดี ประมาณว่าจะทำยังไงถึงจะเข้าถึงข้อมูลได้เร็วที่สุด เพื่อให้ทันกับความต้องการกับคนใช้ และเนื่องจากกูเกิลมีฮาร์ดดิสก์และเครื่องจำนวนมาก ทำให้แต่ละวันต้องมีเครื่องพังทุกวัน จึงต้องหาวิธีเก็บข้อมูลที่ปลอดภัยที่สุด อย่างไรก็ดีงานนี้ค่อนข้างผิดหวังนิดหน่อย เพราะแต่ละคนหวังจะได้มาฟังเรื่องเกี่ยวกับการทำอินเด็กซ์ หรือระบบค้นหาข้อมูลของกูเกิล (คนมาฟังก็อยู่แวดวงนี้เป็นส่วนใหญ่) งานนี้เหนื่อยหน่อยเพราะต้องรับหน้าที่เป็นคนดำเนินรายการ แล้วพอนักเรียนแต่ละคนพรีเซนท์จบ ไม่มีใครคิดจะถามเลย เพราะงานแต่ละแล็บต่างกันเยอะเหมือนกัน ประกอบกับพรีเซนท์เป็นภาษาอังกฤษด้วย เด็กญี่ปุ่นเลยหลับกันเยอะ สุดท้ายเลยเป็นหน้าที่ต้องคนดำเนินรายการที่จะต้องถาม เล่นเอาเหนื่อยเลย

โทะบะเป็นเมืองท่องเที่ยวในช่วงฤดูร้อน เพราะมีชายหาดอยู่บ้าง แต่ช่วงนี้ไปก็ไม่มีอะไร เพราะเป็นฤดูหนาว นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งผลิตมุกที่มีขื่อเสียง แหะๆ แต่เห็นราคาก็หนาวเหมือนกัน

20 December 2004

Kobe Luminarie

วันเสาร์ที่ผ่านมา ก็ไปถ่ายรูปไฟในงาน Kobe Luminarie มา เพราะไหนๆ ก็มาอาศัยอยู่แถวนี้แล้ว ก็ต้องไปดูสักหน่อย งานนี้เป็นการนำไฟมาจัดแสดงเป็นซุ้มประตูให้คนเดินผ่านเพื่อชมความงามของแสงไฟ ที่ออกแบบมาแตกต่างกันทุกปี งานนี้เริ่มจัดขึ้นในปี 1995 หลังจากเกิดแผ่นดินไหวใหญ่ในละแวกนี้ โดยโกเบเป็นเมืองที่มีความเสียหายมาก จึงริเริ่มจัดแสดงไฟ เพื่อให้คนที่ผ่านทุกข์จากภัยแผ่นดินไหว เกิดกำลังใจที่จะต่อสู้ต่อไป แล้วก็จัดต่อเนื่องเรื่อยมาทุกๆ ปี ไฟที่จัดแสดงไว้ก็สวยมากๆ ถ่ายรูปมาได้เยอะเลย เสียแต่ว่าคนที่ไปดูไฟเยอะมาก ทำให้เกิดคนติด กว่าจะเดินจากสถานีรถไฟไปถึงที่จัดไฟ ใช้เวลาประมาณ 90 นาที เพราะเขาจัดให้เดินอ้อมไปอ้อมมา กลับมาเลยหลับเป็นตาย แต่ก็นับว่าคุ้ม อย่างไรก็ดี สมัยอยู่โตเกียวก็มีการจัดไฟแบบนี้ โดยเลียนแบบจากโกเบ แต่เรียกว่า Tokyo Millenario ก็เคยไปดูมาเหมือนกัน แถมคนเยอะกว่ามากๆ ด้วย

เอารูปที่ถ่ายมาไปแปะไว้ที่ http://www.ai.sanken.osaka-u.ac.jp/usr/cholwich/gallery/luminarie

Hawl's Moving Castle

เมื่อวานเพิ่งไปดูหนังอะนิเมชันเรื่องใหม่ของที่กำกับโดยมิยะซะกิ ชื่อเรื่องว่า "ハウルの動く城 (Hawl's Moving Castle)" หนังเรื่องนี้ได้ฉายในโรงใหญ่ และเนื่องจากเป็นวันอาทิตย์เลยมีพ่อแม่จูงลูกๆ มาดูกันเต็มโรง (เห็นคนมาดูมากที่สุดเท่าที่เคยดูหนังที่โรงนี้ แหะๆๆ อาจจะเป็นไปได้ว่าปรกติชอบดูหนังที่ไม่ค่อยดังเท่าไหร่) ทำให้ก่อนหนังฉายมีเสียงเจี๊ยวจ๊าวทีเดียว แต่พอหนังเริ่มฉายเด็กญี่ปุ่นทั้งหลายก็หนังเงียบกันหมด ไม่รบกวนการดูหนังเลย

พูดถึงเนื้อเรื่องบ้าง หนังเรื่องนี้ดัดแปลงมาจากนิยายของฝรั่ง เป็นเรื่องราวของหญิงสาวที่ชื่อว่าโซฟี ซึ่งใช้ชีวิตและทำงานอยู่ในร้านขายหมวก ที่เคยเป็นของพ่อของเธอ ชีวิตของเธอเรียกได้ว่าอยู่ไปอย่างไม่มีจุดหมาย ไม่มีความฝัน จนกระทั่งวันหนึ่งเธอได้ไปเจอพ่อมดชื่อฮัลผู้รักอิสระ และเป็นเจ้าของปราสาทเคลื่อนที่ได้ แต่ก็ทำให้โซฟีโดนแม่มดสาปให้กลายเป็นผู้หญิงแก่อายุเก้าสิบปี เธอจึงเข้าไปอยู่ในปราสาทเคลื่อนที่ของฮัลในฐานะแม่บ้าน และพบเรื่องราวต่างๆ ที่เกี่ยวกับตัวตนของฮัล และคนที่อาศัยอยู่ในปราสาท รวมถึงเรื่องสงครามระหว่างประเทศที่ฮัลต้องเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย

หลังจากดูแล้ว ยังรู้สึกชอบเรื่อง千と千尋の神隠し (Spirited Away) มากกว่า เพราะเหมือนหนังเรื่องนี้ยังจบไม่สมบูรณ์ มีจุดที่ทิ้งไว้เยอะพอสมควร หรือบางเรื่องก็ดูจบง่ายเกินไป ในขณะที่เรื่องก่อนหน้านี้สิ่งที่ทิ้งไว้ให้คิดต่อ กำลังพอดีไม่มากเกินไป อย่างไรก็ดีส่วนตัวแล้วคิดว่าหนังเรื่องนี้โดยรวมน่าดู และให้แง่คิดอะไรได้ดีทีเดียว

16 December 2004

Remote Desktop Connection

เมื่อวันก่อนลุงบ๊อบมาถาม เรื่องรันโปรแกรมทำผลการทดลองของแก เพราะดูเหมือนจะใช้เวลานาน แล้วตอนรันเครื่องก็จะทำงานช้ามาก ทำให้ทำงานอื่นไม่ได้ ตอนแรกก็แก้ปัญหาด้วยการให้แกเอาเครื่องที่ไม่มีคนใช้ไปใช้ซะ จะได้มีสองเครื่อง หมดปัญหา แต่คิดๆ อีกที ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เพราะต่อไปแล็บต้องมีคนมาเพิ่ม เครื่องก็จะไม่พอใช้ แถมตอนนี้มี server ที่เป็น linux อยู่ 7 เครื่อง ครั้นจะให้ลุงเปลี่ยนไปใช้ linux ก็คงยาก เพราะโปรแกรมนั้นลุงไม่ได้เขียนเองทั้งหมด มีของคนอื่นด้วย เลยจัดการเปลี่ยน server เครื่องหนึ่งให้เป็น Windows โดยใช้ Windows Server 2003 (ไหนๆ แล็บก็ซื้อ MSDN มาใช้อยู่แล้ว ก็ใช้ให้คุ้มซักหน่อย) ตอนแรกก็ไม่รู้ว่าลงเสร็จแล้วจะให้ลุงใช้ยังไง แหะๆๆ ไม่เคยใช้ Windows Server อะ ถ้าเป็น linux หรือ unix ก็แค่ลง telnet หรือ ssh ก็ใช้ได้แล้ว แต่จำได้ว่าสมัย Windows NT ไมโครซอฟท์เคยทำ Terminal server ออกมา ตอนนี้คงน่าจะมีอยู่ (จะให้ลุงแกเดินไปใช้ที่ console ทุกวันก็คงลำบากอะ ห้องนั้นเสียงดังหนวกหูด้วย) สุดท้ายถ้าไม่มีก็คงต้องไปหาพวก pcAnyWhere มาใช้ (ไม่รู้สมัยนี้ยังมีขายอยู่หรือเปล่า) ลองหาไปหามา เพิ่งเจอว่าเดี๋ยวนี้เขามี Remote Desktop Connection ใช้ร่วมกับ Terminal server นั่นแหละ เวลาทำงานเหมือนใช้ pcAnyWhere เลย คือโปรแกรมจะแสดงผลเหมือนเราไปนั่งทำงานอยู่ที่ console ของ server จริงๆ ทำให้ทำงานจากระยะไกลได้ สามารถก๊อปปี้โปรแกรมของเราไปรันได้ แถมรอดูผลได้ไม่ยาก สุดท้ายเลยตกลงใช้ Remote Desktop Connection

มาคิดๆ ดู ใช้วินโดว์นี่ก็ง่ายเหมือนกันนะ ที่จริงตัวเองก็ไม่ได้เกลียดไมโครซอฟท์อะ (เห็นเจ้า Oakyman ไปเปิดประเด็นนี้แถว LTN) แต่ที่ใช้ linux ก็เพราะรู้สึกว่า linux ทำงานได้สมเหตุสมผลมากกว่า เข้าใจการทำงานได้ง่ายกว่า อย่างเมื่อวานตอนแรกก็มีปัญหากับ Terminal server เพราะต่อไม่ติด สาเหตุจริงๆ ก็เป็นความผิดของตัวเอง ที่ตั้งชื่อเครื่อง กับ ชื่อบน DNS ไม่ตรงกัน พอต่อไปมันก็บอกว่าไม่มีเครื่อง ต่อไม่ได้ ตอนที่ยังไม่รู้สาเหตุก็นั่งหาแทบแย่ ด้วยความที่คิดว่าน่าจะใช้ชื่อตามชื่อเครื่องที่อยู่ใน Workgroup ตามเน็ตเวิร์คของไมโครซอฟท์ ปรากฏว่า Terminal server ทำงานบน TCP เลยต้องใช้ IP Address หรือชื่อตาม DNS อืม...ตรงนี้แหละมั้งที่ทำให้ไม่ชอบวินโดว์ เพราะมันไม่เป็นเนื้อเดียวกัน และทำให้รู้สึกว่า linux เหนือกว่า สมเหตุสมผลกว่า แต่ก็ไม่ได้เกลียดไมโครซอฟท์อะ ถ้ามีตังค์ มีเหตุผล ก็ซื้อใช้ ถ้าไม่มีตังค์ก็ใช้ของที่เขาทำให้ใช้แบบไม่เสียตังค์ดีกว่า

14 December 2004

10 software innovations in 2004

วันนี้เจอข่าว จาก OSNews ว่าด้วยเรื่อง 10 อับดับสุดยอดนวัตกรรมซอฟท์แวร์ในปีนี้ ลองไปอ่านดูแล้วรู้จักบ้างเหมือนกันแฮะ ตั้งแต่ OpenOffice.org ที่มีคำสั่ง Print to PDF ทำให้สร้างไฟล์ PDF ได้สะดวกมาก, Gmail ที่เค้นเอาความสามารถของ Javascript จากฝั่งผู้ใช้ จนทำให้ใช้งานได้สะดวก และทำงานได้เร็วขึ้นมาก, และอับดับหนึ่งก็คงต้องยกให้วิธี Find as you type ของ Mozilla Firefox ซึ่งทำให้เรากระโดดไปที่ลิงก์ที่ต้องการได้ เพียงแค่พิมพ์สิ่งที่ต้องการหา

13 December 2004

ดาราเกาหลี

อยากเขียนมานานแล้วอะ แต่ไม่ได้เขียนซักที แค่อยากเขียนว่า "จะบ้ากันไปถึงไหน" ทุกวันนี้ดูรายการข่าวแล้วมีแต่ข่าวดาราเกาหลีเต็มไปหมด เดี๋ยวคนโน้นมาเดี๋ยวคนนี้ไป เฮ้อ... จะอะไรกันหนักหนาเนี้ย บางวันใช้เวลาไปครึ่งชม.เพื่อเสนอข่าวนี้ แถมเปลี่ยนไปช่องอื่นมันก็ยังเป็นข่าวเดียวกันอีก ที่เซ็งสุด คือ ไม่มีใครกล้าวิจารณ์พฤติกรรมของป้าๆ ทั้งหลายซักคน ผู้ดำเนินรายการที่ว่าปากจัดทั้งหลาย พอเจอข่าวนี้แล้วไม่มีใครกล้าพูดซักคนว่าป้าๆ ทั้งหลายที่คลั่งดาราเกาหลีกำลังบ้าเกินขอบเขต ดูท่าคงกลัวเรทติ้งรายการตกแน่ๆ เพราะกำลังซื้อของป้าสูงมากๆ อย่างมากก็แค่ทำเฉยๆ ไม่เห็นด้วย แต่ไม่กล้าว่า เ มื่อคืนเพิ่งเห็นรายการ EZTV ไปสัมภาษณ์เด็กคนหนึ่ง แล้วเด็กบอกว่ารู้สึกว่าแม่ตัวเอง กำลังแย่ กำลังเสียคน เพราะมัวแต่ไปบ้าตามกระแสดาราเกาหลี ฟังแล้วสะใจจริงๆ ลุงที่ดำเนินรายการเลยสามารถแสดงความเห็นด้วยได้นิดหน่อย

ป. ล. ไม่ได้โกรธหรือเกลียดดาราหรือคนเกาหลีแต่อย่างใด เพียงแค่เซ็งการโหมเสนอข่าวของสื่อมวลชนญี่ปุ่น แต่การบ้าคลั่งดาราอย่างเกินขอบเขตของบรรดาป้าๆ เท่านั้นแหละ ในแง่เศรษฐกิจแล้วคงดีนะ เพราะญี่ปุ่นเคยแต่ส่งออกดาราไปขายนอกประเทศ ตอนนี้เลยนำเข้าบ้างจะได้สมดุลย์กัน

โอนรถ

ไม่ได้ซื้อรถเองหรอก แต่วันนี้ไปช่วยรุ่นพี่ที่มหาวิทยาลัยคนหนึ่งจัดการโอนรถ ทำให้รู้ว่ายุ่งยากเหมือนกันแฮะ แต่ก็สนุกดี เป็นประสบการณ์ใหม่ เพราะตัวเองก็ไม่คิดจะซื้อรถอยู่แล้ว กฎหมายเกี่ยวกับการเป็นเจ้าของรถในญี่ปุ่นค่อนข้างหยุมหยิมมาก เป็นต้นว่า จะต้องมีที่จอดรถ(ถ้าเช่าบ้านอยู่ก็ต้องมีหนังสือรับรองว่ามีที่จอดรถ) มีการตรวจสภาพรถด้วย แถมการทำธุรกรรมสำคัญๆ ในญี่ปุ่นจะต้องใช้ตราประทับที่ลงทะเบียนแล้ว (เรียกว่า 実印) คือหลังจากไปจ้างร้านทำตราแล้ว จะต้องเอาไปลงทะเบียนกับอำเภอว่าตรานี้เป็นของเราและไม่ซ้ำกับใคร เวลาจะทำธุรกรรมต่างๆ ก็ต้องไปอำเภอเพื่อขอใบรับรองว่าตรานี้เป็นของเรา ไม่ได้ไปขโมยใครมานะ ดูแล้วยุ่งยากเหมือนกัน

อย่างไรก็ดี วันนี้ไปถึงแล้วพอไปซื้ออากรแสตมป์ ป้าที่เป็นคนขายก็ช่วยแนะนำขั้นตอนได้เยอะ ทำให้ไม่สับสนมากนัก ต้องขอบคุณป้าไว้ ณ ที่นี้

10 December 2004

Mozilla Thunderbird 1.0

หลังจากมีงานเข้ามาสุมเต็มไปหมด ก็เลยไม่ได้อัพเดต blog มาเป็นเวลานาน อาทิตย์ที่แล้วก็เพิ่งไปฮานอยมา อากาศกำลังดีเลย อาหารก็ใกล้เคียงอาหารไทยมากกว่า เพียงแต่ไม่เผ็ดเลย ไปฮานอยครั้งนี้ได้ความรู้ใหม่ว่า ความสามารถในการข้ามถนนของคนไทยถึงแม้ว่าจะสูงกว่าคนญี่ปุ่นอย่างมาก แต่เทียบกับคนเวียดนามไม่ได้เลย หุๆๆ ก็ถนนบ้านเขาไม่ค่อยมีไฟแดงตามสี่แยก แถมมีแต่มอเตอร์ไซค์วิ่งเต็มไปหมด เวลาข้ามถนนจึงต้องทำตัวเป็น agent ที่ปรับแผนตลอดเวลาจนกว่าจะข้ามเสร็จ ไม่สามารถใช้วิธีแบบญี่ปุ่นคือสร้างแผนตั้งแต่เริ่มจนจบก่อนแล้วถึงจะข้าม

เอาล่ะ เขียนให้เข้ากับหัวข้อหน่อย เห็นข่าว Thunderbird ออกเวอร์ชัน 1.0 ตั้งแต่อยู่เวียดนามแล้ว แต่ไม่มีเน็ตเร็วให้โหลด เลยเพิ่งได้ลองเมื่อวาน รุ่นนี้ใช้ไอคอนใหม่ หน้าตาเปลี่ยนไปนิดหน่อย (รู้สึกว่าดูดีขึ้น) การทำงานยังเหมือนเดิม ฟีเจอร์ใหม่ที่เห็นชัดๆ ก็คือ สามาถจัดแบ่งกลุ่มจดหมาย เช่น ถ้าเลือกตามวัน ก็จะเป็นวันนี้ เมื่อวานนี้ คล้ายของ Outlook อะ (คงไม่ได้ใช้หรอก) ตอนนี้ Thunderbird ก็ออกแล้ว ต่อไปก็เหลือแต่ Sunbird สินะ