06 September 2004

SCIM

หลังจากใช้ Blog เป็นที่ระบายอารมณ์ส่วนตัวมาซักพักใหญ่แล้ว วันนี้เขียนเรื่องมีสาระบ้างดีกว่า เพิ่งเห็น slashdot.jp คุยกันเรื่อง SCIM (Smart Common Input Method) อ่านเจอครั้งแรก ก็นึกว่าออกมาอีกแล้วเหรอ เพราะตอนนี้โปรแกรมสำหรับจัดการอินพุตที่ใช้บน X Window ก็มีมากมายนับไม่ถ้วนแล้ว ไม่นานมานี้ก็เพิ่งมี UIM (Universal Input Method) ออกมา โดยมีเป้าหมายจะทำเป็นอินเตอร์เฟสสำหรับระบบอินพุตหลายๆ แบบ ทำให้ใช้ร่วมกันได้ หลายภาษา แต่ส่วนใหญ่ก็เน้นที่ภาษาจีน ญี่ปุ่น เกาหลี เพราะภาษาพวกนี้มีตัวอักษรเยอะเกิน จะทำตารางเปลี่ยนตัวต่อตัวแบบภาษาไทยไม่ได้ ต้องใช้วิธีพิมพ์คำอ่านเข้าไป แล้วให้ผู้ใช้เลือกว่าจะเอาตัวไหน ตอนนี้ก็ใช้ UIM อยู่เพราะใช้งานสะดวกเนื่องจากเป็นโมดูลหนึ่งของ GNOME ทำให้เปลี่ยนภาษาไปมาได้ง่าย อีกเหตุผลหนึ่งก็คือ uim-anthy ซึ่งใช้ตัวแปลงอักษรภาษาญี่ปุ่นชื่อ anthy จะดูฉลาดกว่า canna หรือ wnn เช่นถ้าพิมพ์เข้าไปเป็นประโยคยาวๆ แล้วมักจะเลือกตัวอักษรได้ตรงเลย ไม่ต้องเลือกทีละตัวเหมือนเวลาใช้ canna ตอนนี้มี SCIM ออกมาอีก ้เป้าหมายคล้ายๆ กัน ไม่รู้ใครเริ่มก่อน หลังจากไปอ่านในเว็บแล้ว ดูเหมือน SCIM จะดีกว่าตรงที่ใช้งานได้กว่า สามารถกำหนดค่าต่างๆ จากวินโดว์ที่ขึ้นมาได้เลย สะดวกกว่า UIM แต่ดูเหมือนว่ายังไม่สนับสนุนภาษาญี่ปุ่น (ดูเหมือนจะริเริ่มทำโดยคนจีน ส่วน UIM นั่นเริ่มโดยคนญี่ปุ่น) ถ้าอยากใช้ก็มี SCIM-UIM เป็นสะพานเชื่อมไปยัง UIM อีกที เอากันเข้าไป จาก SCIM เชื่อมไปยัง UIM แล้วเชื่อมไปยัง anthy อีกที เฮ้อ....ถ้าจะใช้ต้องลงโปรแกรมกี่ตัวเนี้ย ดูท่าทางยุ่งยาก เลยยังไม่ได้ลอง ไว้ว่างๆ ค่อยลองล่ะกัน แต่ดูหน้าตาแล้วน่าใช้เหมือนกันนะ

05 September 2004

ลอร์ดออฟเดอร์ริงส์

เมื่อวานเพิ่งได้ฤกษ์ดู LOTR คนอื่นเขาดูกันจนเลิกพูดถึงกันไปแล้ว อิๆ ดูวันเดียวสามภาคเลย เพราะเป็นคนไม่ชอบดูอะไรเป็นขาดๆ เป็นตอนๆ ที่แบบว่าต้องรออีกปีถึงจะมาฉายต่อ ที่จริงก็เคยดูภาคหนึ่งแล้วนิดหน่อยที่บ้านเพื่อน แต่ไม่ได้ตั้งใจดูจนลืมเนื้อเรื่องหมดแล้ว ถ้าถามว่าดูแล้วเป็นยังไงบ้าง อืม....

  • รู้สึกว่าหนังเรื่องนี้มีครบทุกรสจริงๆ ทั้งเรื่องเกี่ยวกับตำนาน ความลึกลับ ความน่าสะพรึงกลัว เวทมนตร์ สงคราม การพลัดพราก ความรักสามเส้า ตลกขบขัน แถมยังมีฉากที่ดูคล้ายๆ ละครไทยอีกด้วย ประมาณว่าตัวอิจฉา ทำให้ผิดใจกัน หุๆๆ
  • ดูสามภาคแล้ว ชอบภาคสองมากที่สุด สงครามในภาคนี้ดูยิ่งใหญ่ ซาบซึ้งที่สุด ภาคแรกจะเน้นที่การแนะนำตัวละคร ปูพื้นเรื่อง ส่วนสงครามในภาคสาม ถึงแม้ว่าขนาดจะใหญ่กว่ามากๆ แต่ก็รู้ๆ กันอยู่ว่าฝ่ายพระเอกจะชนะ (มันจะจบเรื่องแล้ว แต่ภาคสองไม่แน่อาจจะให้แพ้ก่อนก็ได้) แล้วสงครามในภาคสามก็เป็นแนวเดิมๆ ก็เลยไม่ซาบซึ้งเท่าที่ควร แถมยังมีสงครามหลายครั้งด้วย ทำให้รู้สึกว่าขาดจุดเด่น
  • ชอบฉากจบ เพราะดูโฟรโดเป็นปุถุชนดี ยังถูกครอบงำจากแหวนได้ แต่จบแบบนี้ก็ทำให้โฟรโดดูไม่เป็นพระเอกเท่าที่ควร เพราะดูเหมือนแหวนถูกทำลายโดยบังเอิญ แต่คิดแล้วก็ชอบให้จบแบบนี้นะ เพราะไม่ชอบหนังประเภทพระเอกคนเดียวทำได้ทุกอย่าง
  • มีเรื่องติดใจหลายเรื่องเหมือนกัน เช่น Saruman หายไปไหน ในภาคสองก็ยังอยู่บนหอคอยดีๆ ภาคสามกลายเป็นว่าหมดพลังอำนาจไปแล้ว (จากคำพูดของ Gandalf) ไหนๆ หนังก็ยาวขนาดนี้แล้ว น่าจะมีรายละเอียดให้ดูอีกสักหน่อยนะ แล้วตัวร้ายอย่าง Sauron ทำไมดูเหมือนไม่ค่อยมีอำนาจอะไรเลย โฟรโดเข้าไปใกล้ขนาดนั้นแล้วยังไม่รู้อีก เหมือนเป็นแค่ไฟส่องทางอะ แล้วเวลาทำสงครามทำไมฝ่ายพระเอกไม่ค่อยมีเครื่องทุนแรงเลย มีแค่ดาบกับธนู แล้วก็ Catapult นิดหน่อย ฝ่ายผู้ร้ายมีตั้งหลายอย่าง ทั้งสัตว์ประหลาดตัวใหญ่ๆ ด้วย

สรุปโดยรวมแล้ว ชอบอะ จัดอยู่ในอันดับต้นๆ ของหนังที่ชอบเลย สมแล้วที่ได้รางวัลมากมาย แต่ถ้าจะให้ดูอีกรอบนี่ต้องขอคิดหน่อยนะ แหะๆๆ เรื่องยาวไปหน่อย ว่าแต่ตอนนี้กำลังอยากดูเรื่อง The Village แต่ต้องรอวันเสาร์หน้า ไปอ่านแถว pantip.com มีคนบ่นกันเยอะ ว่าไม่สนุก คล้ายๆ กับ Signs แต่เนื่องจากชอบเรื่อง Signs มาก ทำให้น่าติดตามดู

03 September 2004

วิกิพีเดีย(อีกครั้ง)

หลังจากเห่อเขียนวิกิพีเดียภาษาไทย ก็ไปคุยกับหลายๆ คน แล้วได้ความคิดเห็นเหมือนๆ กัน คือ อยากช่วยเขียนนะ แต่ไม่ทำเพราะเดี๋ยวก็จะมีคนเอาไปใช้ประโยชน์ หรือเอาไปเป็นของตัวเอง โดยไม่อ้างอิง เหมือนที่เกิดทั่วไปตามเว็บบอร์ดต่างๆ ที่มีใครเขียนอะไรดีๆ ไว ้ก็ตัดไปส่งเมลต่อๆ กัน โดยไม่บอกที่มา (มีคนพูดว่า ไม่รู้เป็นไง เนื้อหายาวๆ ตัดไปได้ครบ แต่ตัดแค่ url อีกหน่อยเดียวไม่ได้) หรือเอาเรื่องสั้นที่คนอื่นเขียนไปส่งประกวดในชื่อตัวเองก็มีแล้ว คิดแล้วก็จริงเนอะ แล้วยิ่งเขียนวิกิพีเดียเนี้ย ไม่มีชื่อคนเขียนหรือแปลด้วยซ้ำ ดูในประวัติก็มีแค่ชื่อล็อกอิน ซึ่งไม่บอกอะไรเลย แบบว่าไม่มีใครรู้เลยว่าเราเขียน แต่ฟังแล้วก็ยังคิดว่าจะเขียน (แปล) ต่อไปล่ะ ไม่ได้เป็นคนดีอะไรหรอกนะ เหตุผลคือตอนนี้ยังสนุกที่จะเขียน หมดสนุกเมื่อไหร่ก็เลิก ไม่สนอะไรอยู่แล้ว

ส่วนที่ว่าจะแก้ปัญหานี้ยังไง ไม่รู้อะ ตอบง่ายๆ ก็คงต้องปลูกฝังหรือรณรงค์มั้ง แต่ไม่สน ให้คนอื่นเขาทำล่ะกัน เพราะรู้สึกว่าตัวเองไม่ใช่นักรณรงค์ หรือนักปฏิวัติ ขอทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ และไม่ก้าวก่ายใครก็พอ

01 September 2004

Gmail

เพิ่งมีโอกาสใช้ Gmail เมื่อวานนี้ เพราะมีพี่คนนึงให้มา พอสมัครไปก็ออกไข่ (ให้สิทธิไปชวนเพื่อนมาสมัคร) มาอีก เลยแจกจ่ายไปให้เพื่อนไปบ้างแล้ว ดูเหมือนเขาจะพยายามหาสมาชิกมากขึ้นนะ เพราะออกไข่มาบ่อยเหลือเกิน ลักษณะโดยรวมแล้วชอบนะ ชอบแนวคิดเรื่อง label ซึ่งคล้ายๆ folder แหละ เพียงแต่ไม่ได้เก็บเมลแยกกัน แต่ระบุประเภทหรือทำเครื่องหมายเอาไว้มาเมลนี้เป็นประเภทไหน ทำให้ค้นหาได้ง่ายขึ้น

ตอนนี้ก็ยังมีปัญหาอยู่เหมือนกัน เนื่องจาก Gmail จะแปลงเมลเป็น unicode โดยดูตามรหัสที่ระบุมาในเมล เลยทำให้เกิดปัญหากับเมลภาษาไทย ที่ส่งมาจากพวก hotmail.com หรือ yahoo.com เพราะพวกนี้มั่ว โดยกำหนดรหัสให้เป็น us-ascii ทั้งหมด ทำให้ Gmail แปลงเป็น unicode ผิด เพราะตัวอักษรไทย ก็จะกลายเป็นพวกตัวพิเศษต่างๆ ตามที่ระบุไว้ใน us-ascii ทำให้อ่านไม่ได้ ที่จริงปัญหานี้มีมานานแล้วล่ะ (สำหรับตัวเองก็รู้มาได้ 5 ปีแล้ว) สมัยก่อนใช้ Mew บน Emacs อ่านเมล ซึ่ง Mew ก็จะจริงจังกับรหัส ทำให้อ่านไม่ออก เวลาอยากจะอ่านที ก็ต้องไปเปิดซอร์สแล้วแก้รหัสเองให้เป็น tis-620 ก่อน แล้วกลับมาเปิดใน Mew อีกที ถึงจะอ่านได้ หลังๆ หันมาใช้ mozilla ปัญหาเลยลดลงหน่อย เพราะ mozilla ยอมให้เปลี่ยนรหัสได้ทันทีจากเมนู แต่หลังๆ ก็อาจจะชินชาด้วยแหละ คืออ่านไม่ได้ก็ไม่อ่าน ไม่สน เพราะส่วนใหญ่เป็นเมลส่งต่ออยู่แล้ว ไม่อ่านซักอันหนึ่งก็ไม่มีปัญหา ลองอ่านใน help ของ Gmail ดูเหมือนจะมีคนไปบ่นไว้เหมือนกัน เขาก็ตอบว่าจะพยายามแก้ ส่วนตอนนี้ให้เปิดดูต้นฉบับของเมล (ซึ่งจะไม่เปลี่ยนเป็น unicode) แล้วให้เลือกรหัสเอาเองล่ะกัน ตามความรู้สึกของตัวเองแล้ว Gmail แก้แค่นี้ก็ดีแล้วล่ะ ไม่ควรจะต้องแก้ปัญหามากกว่านี้ (จริงๆ แก้แค่นี้ก็เปลืองที่ไปเยอะเลยนะ เพราะต้องเก็บต้นฉบับเมลไว้หมด แทนที่จะเก็บแค่ส่วนที่แปลงเป็น unicode แล้วก็พอ) เพราะคนที่ต้องแก้คือคนส่ง ควรจะระบุรหัสให้ถูกมาตั้งแต่แรก ถ้าจะระบุว่าเป็น us-ascii เวลาเจอภาษาไทย ก็ต้องแปลงเป็น ? จะได้รู้ว่ารหัสมันผิด หรือหาทางแก้อย่างอื่นเช่น ส่งเป็น html แล้วใช้ character entity แทน ไม่ใช่ดันทุรังส่งดื้อๆ อย่างนั้น เพราะมันทำให้มั่วไม่รู้จบ แล้วพอใช้กันเยอะๆ เลยกลายเป็นหน้าที่ของคนรับที่ต้องทำยังไงก็ได้ให้อ่านให้ได้ ซึ่งมันแปลกๆ เฮ้อ...ช่วงนี้บ่นเยอะแฮะ