19 April 2007

ย้ายบ้าน

แค่จะมาบอกว่าตอนนี้ย้ายไปเขียนที่บ้านใหม่ http://cholwich.org/ แล้ว

14 March 2007

Graphviz

Graphviz (http://www.graphviz.org) เป็นโปรแกรมสำหรับ visualize ข้อมูลกราฟที่พัฒนาโดย AT&T Bell Lab. ได้ยินชื่อมานานแล้ว แต่ไม่เคยได้ใช้สักที ช่วงนี้ต้องทำไดอะแกรมหลายๆ อัน เลยลองเล่นดู เพราะปกติจะวาดไดอะแกรมต่างๆ (ส่วนใหญ่เป็นทรี) โดยใช้ Omnigraffle ก็สะดวกพอสมควร แต่ก็จะเสียเวลาในการจัดวางตำแหน่ง เลยอยากได้เครื่องมือที่จัดตำแหน่งให้อัตโนมัติแบบง่ายๆ โดยไม่ต้องใช้เมาส์ ซึ่ง Graphviz ก็ทำงานได้ตามต้องการ โดยกำหนดเขียนไดอะแกรมเป็น DOT Language ก่อน ภาษานี้ี่เข้าใจได้ไม่ยาก เสร็จแล้วก็สั่งให้ Graphviz วาดไดอะแกรม และเก็บเป็นไฟล์แบบต่างๆ ได้ ยิ่งบน OS X ก็จะยิ่งสะดวก เพราะมีคนทำ frontend ให้เรียบร้อย ใช้งานได้ดีมาก โปรแกรมนี้ได้รางวัล Apple Design Award ด้วย

(พยายามจะใส่รูป แต่ไม่รู้ blogger มีปัญหาอะไร เอาไว้ก่อนล่ะกัน)

06 March 2007

คุมสอบ (บ่น)

ไม่รู้ว่าเดี๋ยวนี้นักศึกษาที่อื่นเป็นอย่างนี้หรือเปล่า แต่เวลาคุมสอบนักศึกษาที่นี่ทีไร ก็ต้องรู้สึกไม่เข้าใจทุกที ว่าทำไมไม่รีบเข้าห้องสอบ จะว่ามาช้าก็ไม่ใช่ เพราะเห็นว่านั่งรออยู่หน้าห้องตั้งแต่ก่อนเริ่มสอบนานแล้ว จำได้ว่าสมัยเรียนหนังสือก็เห็นทุกคนรีบเข้าห้องสอบ เพราะกลัวเสียเวลาทำข้อสอบ แต่ที่นี่ส่วนใหญ่เห็นมานั่งอ่านหนังสือทวนกันอยู่หน้าห้องสอบ จนเริ่มสอบไปแล้วประมาณ 15 นาทีถึงจะเริ่มเข้าห้องสอบกันได้ บางคนอาจจะบอกว่าไม่พร้อม ไม่มั่นใจ เลยขออ่านอีกสักหน่อยแล้วค่อยเข้าห้องสอบ เผื่อว่าจะทำข้อสอบได้มากขึ้น แต่โดยส่วนตัวแล้วไม่เห็นด้วย เพราะรู้สึกว่าการพยายามบังคับให้สมองจำอะไรในเวลาสั้นๆ เหมือนไปกวนน้ำในโอ่งที่ตกตะกอนแล้ว ให้ตะกอนลอยฟุ้งขึ้นมา ทำให้สับสนไปหมด แล้วก็จะไม่สามารถดึงสิ่งที่ต้องการออกมาใช้ได้ ถ้าจะมองว่าการสอบคือการต่อสู้ระหว่างตัวเรากับข้อสอบ เราก็ควรจะเตรียมกองกำลังที่จะไปต่อสู้ให้พร้อมที่สุด แต่ก็ต้องคิดด้วยว่าเตรียมได้แค่ไหนก็สู้แค่นั้น ไม่ใช่ว่าไปซ้อมรบกันเมื่อศัตรูกำลังรออยู่ตรงหน้า ไม่ทำให้เกิดผลดีอะไร นอกจากทำให้กองกำลังของเราสับสน แล้วก็อ่อนล้าลงไป

ดังนั้นจึงไม่เห็นด้วยกับการอ่านหนังสืออยู่จนดึกมากๆ เพื่อไปสอบในวันรุ่งขึ้น ยิ่งข้อสอบที่อนุญาตให้เปิดหนังสือได้ ยิ่งไม่จำเป็นต้องอ่านหนังสือมากๆ หรือพยายามจำทุกอย่าง แต่ก็ใช่ว่าจะไม่อ่านอะไรเลยแล้วหวังว่าจะไปอ่านในห้องสอบ เคยเจอนักศึกษาถามในห้องสอบเหมือนกัน ว่าข้อนี้อยู่บทไหนจะได้ตามไปอ่าน ฟังแล้วอึ้งไปเล็กน้อย ข้อสอบแบบนี้ต้องการวัดความเข้าใจของผู้เรียน เพราะฉะนั้นอ่านแค่เพียงรอบเดียว แต่ทำความเข้าใจให้หมดในทุกประเด็นก็เพียงพอแล้ว ทีเหลือก็คือนอนแต่หัวค่ำ เพื่อเตรียมสมองที่แจ่มใสที่สุดไปสอบ ก็น่าจะดีที่สุด ข้อสอบพวกนี้เขาไม่วัดความจำหรอก เพราะมันจะกลายเป็นการวัดว่าใครหาคำตอบจากหนังสือได้เก่งกว่ากัน แต่จะวัดความเข้าใจ และความสามารถในประยุกต์ซึ่งต้องอาศัยความคิดสร้างสรรค์เป็นหลัก

แต่ด้วยความที่นักศึกษามักเข้าใจผิดว่าถ้าให้เปิดหนังสือได้ ก็แปลว่าไม่ต้องอ่านหนังสือไปสอบ ทำให้อาจารย์บางคนอนุญาตให้ดูแค่กระดาษแผ่นหรือสองแผ่น เหมือนเป็นการบังคับให้อ่านหนังสือผ่านตามาซักรอบหนึ่งก่อน จะได้ทำข้อสอบได้ดีขึ้น แต่ส่วนใหญ่ก็กลัวว่าจะจดข้อมูลไปได้ไม่ครบ เดี๋ยวข้อสอบถามแล้วหาไม่เจอ จำไม่ได้ เลยไปพยายามจดทุกอย่างที่มีอยู่ ลงไปในกระดาษหนึ่งแผ่นนั้นให้ครบทั้งหมด กลายเป็นงานใหญ่และเหนื่อยยิ่งกว่าสอบแบบปิดหนังสืออีก