27 December 2004

โทะบะ

อาทิตย์ที่แล้วหนีไปสัมมนาแถวโทบะจังหวัดมิเอะ เป็นงานสัมมนาสำหรับนักเรียนโดยได้เงินมาจากโครงการ COE ในงานให้แต่ละแล็บส่งนักเรียนออกมาพูดงานตัวเองแล็บล่ะคน แล้วก็เชิญบุคคลภายนอกมาพูดให้ฟัง เขาเชิญคุณโฮเวิร์ด โกบิออฟจากศูนย์วิจัยของกูเกิลที่โตเกียวมาพูด แกเข้าไปร่วมงานกับกูเกิลตั้งแต่ยังเรียนไม่จบ ตั้งแต่มีพนักงานแค่ 40 คน ตอนนี้รับหน้าที่ตั้งศูนย์วิจัยและหานักวิจัยที่โตเกียวอยู่ เดิมแกดูแลระบบไฟล์ของกูเกิลอยู่ เลยมาเล่าเรื่องเกี่ยวกับสถาปัตยกรรมที่กูเกิลใช้ ฟังแล้วน่าสนใจดี ประมาณว่าจะทำยังไงถึงจะเข้าถึงข้อมูลได้เร็วที่สุด เพื่อให้ทันกับความต้องการกับคนใช้ และเนื่องจากกูเกิลมีฮาร์ดดิสก์และเครื่องจำนวนมาก ทำให้แต่ละวันต้องมีเครื่องพังทุกวัน จึงต้องหาวิธีเก็บข้อมูลที่ปลอดภัยที่สุด อย่างไรก็ดีงานนี้ค่อนข้างผิดหวังนิดหน่อย เพราะแต่ละคนหวังจะได้มาฟังเรื่องเกี่ยวกับการทำอินเด็กซ์ หรือระบบค้นหาข้อมูลของกูเกิล (คนมาฟังก็อยู่แวดวงนี้เป็นส่วนใหญ่) งานนี้เหนื่อยหน่อยเพราะต้องรับหน้าที่เป็นคนดำเนินรายการ แล้วพอนักเรียนแต่ละคนพรีเซนท์จบ ไม่มีใครคิดจะถามเลย เพราะงานแต่ละแล็บต่างกันเยอะเหมือนกัน ประกอบกับพรีเซนท์เป็นภาษาอังกฤษด้วย เด็กญี่ปุ่นเลยหลับกันเยอะ สุดท้ายเลยเป็นหน้าที่ต้องคนดำเนินรายการที่จะต้องถาม เล่นเอาเหนื่อยเลย

โทะบะเป็นเมืองท่องเที่ยวในช่วงฤดูร้อน เพราะมีชายหาดอยู่บ้าง แต่ช่วงนี้ไปก็ไม่มีอะไร เพราะเป็นฤดูหนาว นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งผลิตมุกที่มีขื่อเสียง แหะๆ แต่เห็นราคาก็หนาวเหมือนกัน

20 December 2004

Kobe Luminarie

วันเสาร์ที่ผ่านมา ก็ไปถ่ายรูปไฟในงาน Kobe Luminarie มา เพราะไหนๆ ก็มาอาศัยอยู่แถวนี้แล้ว ก็ต้องไปดูสักหน่อย งานนี้เป็นการนำไฟมาจัดแสดงเป็นซุ้มประตูให้คนเดินผ่านเพื่อชมความงามของแสงไฟ ที่ออกแบบมาแตกต่างกันทุกปี งานนี้เริ่มจัดขึ้นในปี 1995 หลังจากเกิดแผ่นดินไหวใหญ่ในละแวกนี้ โดยโกเบเป็นเมืองที่มีความเสียหายมาก จึงริเริ่มจัดแสดงไฟ เพื่อให้คนที่ผ่านทุกข์จากภัยแผ่นดินไหว เกิดกำลังใจที่จะต่อสู้ต่อไป แล้วก็จัดต่อเนื่องเรื่อยมาทุกๆ ปี ไฟที่จัดแสดงไว้ก็สวยมากๆ ถ่ายรูปมาได้เยอะเลย เสียแต่ว่าคนที่ไปดูไฟเยอะมาก ทำให้เกิดคนติด กว่าจะเดินจากสถานีรถไฟไปถึงที่จัดไฟ ใช้เวลาประมาณ 90 นาที เพราะเขาจัดให้เดินอ้อมไปอ้อมมา กลับมาเลยหลับเป็นตาย แต่ก็นับว่าคุ้ม อย่างไรก็ดี สมัยอยู่โตเกียวก็มีการจัดไฟแบบนี้ โดยเลียนแบบจากโกเบ แต่เรียกว่า Tokyo Millenario ก็เคยไปดูมาเหมือนกัน แถมคนเยอะกว่ามากๆ ด้วย

เอารูปที่ถ่ายมาไปแปะไว้ที่ http://www.ai.sanken.osaka-u.ac.jp/usr/cholwich/gallery/luminarie

Hawl's Moving Castle

เมื่อวานเพิ่งไปดูหนังอะนิเมชันเรื่องใหม่ของที่กำกับโดยมิยะซะกิ ชื่อเรื่องว่า "ハウルの動く城 (Hawl's Moving Castle)" หนังเรื่องนี้ได้ฉายในโรงใหญ่ และเนื่องจากเป็นวันอาทิตย์เลยมีพ่อแม่จูงลูกๆ มาดูกันเต็มโรง (เห็นคนมาดูมากที่สุดเท่าที่เคยดูหนังที่โรงนี้ แหะๆๆ อาจจะเป็นไปได้ว่าปรกติชอบดูหนังที่ไม่ค่อยดังเท่าไหร่) ทำให้ก่อนหนังฉายมีเสียงเจี๊ยวจ๊าวทีเดียว แต่พอหนังเริ่มฉายเด็กญี่ปุ่นทั้งหลายก็หนังเงียบกันหมด ไม่รบกวนการดูหนังเลย

พูดถึงเนื้อเรื่องบ้าง หนังเรื่องนี้ดัดแปลงมาจากนิยายของฝรั่ง เป็นเรื่องราวของหญิงสาวที่ชื่อว่าโซฟี ซึ่งใช้ชีวิตและทำงานอยู่ในร้านขายหมวก ที่เคยเป็นของพ่อของเธอ ชีวิตของเธอเรียกได้ว่าอยู่ไปอย่างไม่มีจุดหมาย ไม่มีความฝัน จนกระทั่งวันหนึ่งเธอได้ไปเจอพ่อมดชื่อฮัลผู้รักอิสระ และเป็นเจ้าของปราสาทเคลื่อนที่ได้ แต่ก็ทำให้โซฟีโดนแม่มดสาปให้กลายเป็นผู้หญิงแก่อายุเก้าสิบปี เธอจึงเข้าไปอยู่ในปราสาทเคลื่อนที่ของฮัลในฐานะแม่บ้าน และพบเรื่องราวต่างๆ ที่เกี่ยวกับตัวตนของฮัล และคนที่อาศัยอยู่ในปราสาท รวมถึงเรื่องสงครามระหว่างประเทศที่ฮัลต้องเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย

หลังจากดูแล้ว ยังรู้สึกชอบเรื่อง千と千尋の神隠し (Spirited Away) มากกว่า เพราะเหมือนหนังเรื่องนี้ยังจบไม่สมบูรณ์ มีจุดที่ทิ้งไว้เยอะพอสมควร หรือบางเรื่องก็ดูจบง่ายเกินไป ในขณะที่เรื่องก่อนหน้านี้สิ่งที่ทิ้งไว้ให้คิดต่อ กำลังพอดีไม่มากเกินไป อย่างไรก็ดีส่วนตัวแล้วคิดว่าหนังเรื่องนี้โดยรวมน่าดู และให้แง่คิดอะไรได้ดีทีเดียว

16 December 2004

Remote Desktop Connection

เมื่อวันก่อนลุงบ๊อบมาถาม เรื่องรันโปรแกรมทำผลการทดลองของแก เพราะดูเหมือนจะใช้เวลานาน แล้วตอนรันเครื่องก็จะทำงานช้ามาก ทำให้ทำงานอื่นไม่ได้ ตอนแรกก็แก้ปัญหาด้วยการให้แกเอาเครื่องที่ไม่มีคนใช้ไปใช้ซะ จะได้มีสองเครื่อง หมดปัญหา แต่คิดๆ อีกที ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เพราะต่อไปแล็บต้องมีคนมาเพิ่ม เครื่องก็จะไม่พอใช้ แถมตอนนี้มี server ที่เป็น linux อยู่ 7 เครื่อง ครั้นจะให้ลุงเปลี่ยนไปใช้ linux ก็คงยาก เพราะโปรแกรมนั้นลุงไม่ได้เขียนเองทั้งหมด มีของคนอื่นด้วย เลยจัดการเปลี่ยน server เครื่องหนึ่งให้เป็น Windows โดยใช้ Windows Server 2003 (ไหนๆ แล็บก็ซื้อ MSDN มาใช้อยู่แล้ว ก็ใช้ให้คุ้มซักหน่อย) ตอนแรกก็ไม่รู้ว่าลงเสร็จแล้วจะให้ลุงใช้ยังไง แหะๆๆ ไม่เคยใช้ Windows Server อะ ถ้าเป็น linux หรือ unix ก็แค่ลง telnet หรือ ssh ก็ใช้ได้แล้ว แต่จำได้ว่าสมัย Windows NT ไมโครซอฟท์เคยทำ Terminal server ออกมา ตอนนี้คงน่าจะมีอยู่ (จะให้ลุงแกเดินไปใช้ที่ console ทุกวันก็คงลำบากอะ ห้องนั้นเสียงดังหนวกหูด้วย) สุดท้ายถ้าไม่มีก็คงต้องไปหาพวก pcAnyWhere มาใช้ (ไม่รู้สมัยนี้ยังมีขายอยู่หรือเปล่า) ลองหาไปหามา เพิ่งเจอว่าเดี๋ยวนี้เขามี Remote Desktop Connection ใช้ร่วมกับ Terminal server นั่นแหละ เวลาทำงานเหมือนใช้ pcAnyWhere เลย คือโปรแกรมจะแสดงผลเหมือนเราไปนั่งทำงานอยู่ที่ console ของ server จริงๆ ทำให้ทำงานจากระยะไกลได้ สามารถก๊อปปี้โปรแกรมของเราไปรันได้ แถมรอดูผลได้ไม่ยาก สุดท้ายเลยตกลงใช้ Remote Desktop Connection

มาคิดๆ ดู ใช้วินโดว์นี่ก็ง่ายเหมือนกันนะ ที่จริงตัวเองก็ไม่ได้เกลียดไมโครซอฟท์อะ (เห็นเจ้า Oakyman ไปเปิดประเด็นนี้แถว LTN) แต่ที่ใช้ linux ก็เพราะรู้สึกว่า linux ทำงานได้สมเหตุสมผลมากกว่า เข้าใจการทำงานได้ง่ายกว่า อย่างเมื่อวานตอนแรกก็มีปัญหากับ Terminal server เพราะต่อไม่ติด สาเหตุจริงๆ ก็เป็นความผิดของตัวเอง ที่ตั้งชื่อเครื่อง กับ ชื่อบน DNS ไม่ตรงกัน พอต่อไปมันก็บอกว่าไม่มีเครื่อง ต่อไม่ได้ ตอนที่ยังไม่รู้สาเหตุก็นั่งหาแทบแย่ ด้วยความที่คิดว่าน่าจะใช้ชื่อตามชื่อเครื่องที่อยู่ใน Workgroup ตามเน็ตเวิร์คของไมโครซอฟท์ ปรากฏว่า Terminal server ทำงานบน TCP เลยต้องใช้ IP Address หรือชื่อตาม DNS อืม...ตรงนี้แหละมั้งที่ทำให้ไม่ชอบวินโดว์ เพราะมันไม่เป็นเนื้อเดียวกัน และทำให้รู้สึกว่า linux เหนือกว่า สมเหตุสมผลกว่า แต่ก็ไม่ได้เกลียดไมโครซอฟท์อะ ถ้ามีตังค์ มีเหตุผล ก็ซื้อใช้ ถ้าไม่มีตังค์ก็ใช้ของที่เขาทำให้ใช้แบบไม่เสียตังค์ดีกว่า

14 December 2004

10 software innovations in 2004

วันนี้เจอข่าว จาก OSNews ว่าด้วยเรื่อง 10 อับดับสุดยอดนวัตกรรมซอฟท์แวร์ในปีนี้ ลองไปอ่านดูแล้วรู้จักบ้างเหมือนกันแฮะ ตั้งแต่ OpenOffice.org ที่มีคำสั่ง Print to PDF ทำให้สร้างไฟล์ PDF ได้สะดวกมาก, Gmail ที่เค้นเอาความสามารถของ Javascript จากฝั่งผู้ใช้ จนทำให้ใช้งานได้สะดวก และทำงานได้เร็วขึ้นมาก, และอับดับหนึ่งก็คงต้องยกให้วิธี Find as you type ของ Mozilla Firefox ซึ่งทำให้เรากระโดดไปที่ลิงก์ที่ต้องการได้ เพียงแค่พิมพ์สิ่งที่ต้องการหา

13 December 2004

ดาราเกาหลี

อยากเขียนมานานแล้วอะ แต่ไม่ได้เขียนซักที แค่อยากเขียนว่า "จะบ้ากันไปถึงไหน" ทุกวันนี้ดูรายการข่าวแล้วมีแต่ข่าวดาราเกาหลีเต็มไปหมด เดี๋ยวคนโน้นมาเดี๋ยวคนนี้ไป เฮ้อ... จะอะไรกันหนักหนาเนี้ย บางวันใช้เวลาไปครึ่งชม.เพื่อเสนอข่าวนี้ แถมเปลี่ยนไปช่องอื่นมันก็ยังเป็นข่าวเดียวกันอีก ที่เซ็งสุด คือ ไม่มีใครกล้าวิจารณ์พฤติกรรมของป้าๆ ทั้งหลายซักคน ผู้ดำเนินรายการที่ว่าปากจัดทั้งหลาย พอเจอข่าวนี้แล้วไม่มีใครกล้าพูดซักคนว่าป้าๆ ทั้งหลายที่คลั่งดาราเกาหลีกำลังบ้าเกินขอบเขต ดูท่าคงกลัวเรทติ้งรายการตกแน่ๆ เพราะกำลังซื้อของป้าสูงมากๆ อย่างมากก็แค่ทำเฉยๆ ไม่เห็นด้วย แต่ไม่กล้าว่า เ มื่อคืนเพิ่งเห็นรายการ EZTV ไปสัมภาษณ์เด็กคนหนึ่ง แล้วเด็กบอกว่ารู้สึกว่าแม่ตัวเอง กำลังแย่ กำลังเสียคน เพราะมัวแต่ไปบ้าตามกระแสดาราเกาหลี ฟังแล้วสะใจจริงๆ ลุงที่ดำเนินรายการเลยสามารถแสดงความเห็นด้วยได้นิดหน่อย

ป. ล. ไม่ได้โกรธหรือเกลียดดาราหรือคนเกาหลีแต่อย่างใด เพียงแค่เซ็งการโหมเสนอข่าวของสื่อมวลชนญี่ปุ่น แต่การบ้าคลั่งดาราอย่างเกินขอบเขตของบรรดาป้าๆ เท่านั้นแหละ ในแง่เศรษฐกิจแล้วคงดีนะ เพราะญี่ปุ่นเคยแต่ส่งออกดาราไปขายนอกประเทศ ตอนนี้เลยนำเข้าบ้างจะได้สมดุลย์กัน

โอนรถ

ไม่ได้ซื้อรถเองหรอก แต่วันนี้ไปช่วยรุ่นพี่ที่มหาวิทยาลัยคนหนึ่งจัดการโอนรถ ทำให้รู้ว่ายุ่งยากเหมือนกันแฮะ แต่ก็สนุกดี เป็นประสบการณ์ใหม่ เพราะตัวเองก็ไม่คิดจะซื้อรถอยู่แล้ว กฎหมายเกี่ยวกับการเป็นเจ้าของรถในญี่ปุ่นค่อนข้างหยุมหยิมมาก เป็นต้นว่า จะต้องมีที่จอดรถ(ถ้าเช่าบ้านอยู่ก็ต้องมีหนังสือรับรองว่ามีที่จอดรถ) มีการตรวจสภาพรถด้วย แถมการทำธุรกรรมสำคัญๆ ในญี่ปุ่นจะต้องใช้ตราประทับที่ลงทะเบียนแล้ว (เรียกว่า 実印) คือหลังจากไปจ้างร้านทำตราแล้ว จะต้องเอาไปลงทะเบียนกับอำเภอว่าตรานี้เป็นของเราและไม่ซ้ำกับใคร เวลาจะทำธุรกรรมต่างๆ ก็ต้องไปอำเภอเพื่อขอใบรับรองว่าตรานี้เป็นของเรา ไม่ได้ไปขโมยใครมานะ ดูแล้วยุ่งยากเหมือนกัน

อย่างไรก็ดี วันนี้ไปถึงแล้วพอไปซื้ออากรแสตมป์ ป้าที่เป็นคนขายก็ช่วยแนะนำขั้นตอนได้เยอะ ทำให้ไม่สับสนมากนัก ต้องขอบคุณป้าไว้ ณ ที่นี้

10 December 2004

Mozilla Thunderbird 1.0

หลังจากมีงานเข้ามาสุมเต็มไปหมด ก็เลยไม่ได้อัพเดต blog มาเป็นเวลานาน อาทิตย์ที่แล้วก็เพิ่งไปฮานอยมา อากาศกำลังดีเลย อาหารก็ใกล้เคียงอาหารไทยมากกว่า เพียงแต่ไม่เผ็ดเลย ไปฮานอยครั้งนี้ได้ความรู้ใหม่ว่า ความสามารถในการข้ามถนนของคนไทยถึงแม้ว่าจะสูงกว่าคนญี่ปุ่นอย่างมาก แต่เทียบกับคนเวียดนามไม่ได้เลย หุๆๆ ก็ถนนบ้านเขาไม่ค่อยมีไฟแดงตามสี่แยก แถมมีแต่มอเตอร์ไซค์วิ่งเต็มไปหมด เวลาข้ามถนนจึงต้องทำตัวเป็น agent ที่ปรับแผนตลอดเวลาจนกว่าจะข้ามเสร็จ ไม่สามารถใช้วิธีแบบญี่ปุ่นคือสร้างแผนตั้งแต่เริ่มจนจบก่อนแล้วถึงจะข้าม

เอาล่ะ เขียนให้เข้ากับหัวข้อหน่อย เห็นข่าว Thunderbird ออกเวอร์ชัน 1.0 ตั้งแต่อยู่เวียดนามแล้ว แต่ไม่มีเน็ตเร็วให้โหลด เลยเพิ่งได้ลองเมื่อวาน รุ่นนี้ใช้ไอคอนใหม่ หน้าตาเปลี่ยนไปนิดหน่อย (รู้สึกว่าดูดีขึ้น) การทำงานยังเหมือนเดิม ฟีเจอร์ใหม่ที่เห็นชัดๆ ก็คือ สามาถจัดแบ่งกลุ่มจดหมาย เช่น ถ้าเลือกตามวัน ก็จะเป็นวันนี้ เมื่อวานนี้ คล้ายของ Outlook อะ (คงไม่ได้ใช้หรอก) ตอนนี้ Thunderbird ก็ออกแล้ว ต่อไปก็เหลือแต่ Sunbird สินะ

15 November 2004

Altivec

ลองบน Mac บ้าง G4 มีส่วนประมวลผลเวคเตอร์ที่เรียกว่า Altivec ซึ่ง ทำหน้าที่คล้าย MMX และ SSE เลยลองเขียนโปรแกรมแบบเดียวกัน อาศัยข้อมูลจาก G4 Tutorial

#include <stdio.h>
#include <math.h>

union float4 {
  vector float v;
  float f[4];
};

int main (int argc, const char * argv[]) {
  vector float z;
  union float4 x, y, w;
  float d, d2;
  int i;
	
  x.v = (vector float)(1.0, 1.1, 2.3, 1.3);
  y.v = (vector float)(1.2, 2.1, 3.1, 0.9);
	
  z = vec_sub(x.v, y.v);
  w.v = vec_madd(z,z,(vector float)(0.0));
  d2=0.0;
  for(i=0; i<4; i++)
    d2 += w.f[i];
  d = sqrt(d2);
	
  printf("%f\n", d);
  return 0;
}

MMX & SSE

เมื่อวานว่างๆ เลยลองหาวิธีเขียนโปรแกรมที่ใช้ MMX กับ SSE เพื่อประมวลผลเวคเตอร์ ลองหาคู่มือของ gcc ดู ก็พบว่าสนับสนุน MMX กับ SSE แล้ว ส่วน SSE2 เพิ่งเริ่มใช้ได้ในเวอร์ชัน 3.4 วิธีเขียนโปรแกรมก็ไม่ยาก ลองดูตัวอย่างจาก http://ds9a.nl/gcc-simd/ แล้วลองเขียนโปรแกรมหาค่า Euclidean distance แบบง่ายๆ ดู

#include <stdio.h>
#include <math.h>

typedef float v4sf __attribute__ ((mode(V4SF)));

union float4 {
  v4sf v;
  float f[4];
};

main() {
  float4 x,y,z;
  float d,d2;

  z.v = (x.v - y.v) * (x.v - y.v);
  d2 = 0.0;
  for(int i=0; i<4; i++)
    d2+=z.f[i];
  d =sqrt(d2);
}

วิธีกำหนดให้ใข้เวคเตอร์ ก็แค่ใส่ __attribute__ ไว้หลัง typedef ส่วน V4SF ก็คือเวคเตอร์ของ float จำนวน 4 ตัว เวลากำหนดค่าแต่ละตัวก็ใช้ union ร่วมกับอะเรย์เอา เวลาคำนวณก็ง่าย เพราะใช้ operator เหมือนเดิม (ที่จริงมีฟังก์ชันเฉพาะด้วย) ส่วนถ้าอยากจะใช้ตัวแปรแบบอื่น เช่น int ก็เปลี่ยน mode เป็น V4SI ได้ ถ้าจะใช้ double ก็ใช้ V4DF (แต่ว่า double นี้จะสนับสนุนในเวอร์ชัน 3.4 ขึ่นไปเท่านั้น) ต่อไปก็ต้องลองเทียบเวลาดู เวลาเร็วกว่ากันเยอะไหม

11 November 2004

Spyware

ใช้ Linux นานๆ นี่ก็มีข้อเสียเหมือนกันนะ ทำให้มองข้ามปัญหาต่างๆ ไปเยอะเหมือนกัน เช่นไวรัสก็ไม่เคยสนใจ เพราะบน Linux ไม่มีปัญหาพวกนั้น ปัญหาเกี่ยวกับความปลอดภัย น่าจะเป็นพวกหนอน หรือรูรั่วต่างๆ ซึ่งถ้าตั้งไฟร์วอลปิดทุกอย่างไว้ ก็ค่อนข้างอุ่นใจว่าน่าจะปลอดภัย แต่บน Windows นี่อีกเรื่องหนึ่งเลย วันก่อนเครื่องที่เด็กที่แล็บใช้ อยู่ดีๆ ก็เข้าเว็บภายในของแล็บไม่ได้ (ไม่ใช่ภายในทีเดียวหรอก เพียงแค่จำกัด IP เอาไว้) ตอนแรกก็คิดว่าฮาร์ดดิสก์จะมีปัญหา เพราะเครื่องที่คุณเลขาใช้เคยเป็น พอมี bad cluster มากๆ แล้วทำให้ส่วนอื่นรวนไปหมด ปรากฏว่าดูแล้วก็ไม่ใช่ ไวรัสก็หาไม่เจอ ค่าต่างๆ ก็ดูปกติ พอไปดู log ของ web server ก็แปลกใจว่าทำไม IP ของเครื่องนั้นเปลี่ยนไปทุกครั้ง สุดท้ายก็เลยเจอว่าโดน spyware ชื่อ Marketscore ซึ่งจะไปกำหนดให้ใช้ proxy ที่กำหนดไว้เสมอ (เหมือนต้องการข้อมูลว่าแต่ละคนเข้าเว็บไหนบ้าง) ทำให้เข้าเว็บภายในไม่ได้ เพราะล็อกเอาไว้ สุดท้ายเลยต้องให้เอาโปรแกรมที่ชื่อ SpyBot มาลงทุกคน แล้วก็นั่งเช็คว่ามีใครติดอะไรบ้าง ปรากฏว่าโดนกันแทบทุกคน มากบ้างน้อยบ้าง ส่วนใหญ่มักจะเป็นพวก cookie หรือ banner แต่วิธีการป้องกันนี่ก็ลำบากเหมือนกันนะ เพราะไปโหลดโปรแกรมมาลงเอง แล้วก็ไม่มีอะไรรับรองได้เลยว่า โปรแกรมที่โหลดมามี spyware แถมมาด้วยหรือเปล่า ตอนนี้คงได้แค่เลือกโหลดจะไซท์ที่คิดว่าไว้ใจได้เท่านั้นแหละมั้ง จนกว่าจะเอา digital signature มาใช้ ส่วน Linux ก็ยังอุ่นใจได้อยู่เหมือนเดิม อย่าง portage ของ Gentoo ก็ใช้ GPG แล้วนะ

GMail POP/SMTP

เจอข่าวที่ ITMedia.co.jp ว่า Gmail ให้บริการ POP/SMTP แล้ว เพิ่งรู้เหมือนกัน ใช้อยู่ทุกวันไม่ได้สังเกตเลย เพราะเดี๋ยวนี้เอา Gmail ไว้เก็บเมลที่ส่งมาที่แล็บ ไว้เปิดดูที่บ้าน เนื่องจากขี้เกียจเซ็ต Thunderbird อีกอย่างก็คือ เดี๋ยวนี้เวลาอยู่บ้าน แค่เช็คเมลจริงๆ ถ้าไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนก็ยังไม่ตอบอยู่แล้ว เลยใช้แค่ Gmail ก็พอ

09 November 2004

Pukiwiki

ช่วงนี้มัวแต่นั่งทำโฮมเพจของห้องแล็บใหม่ หลังจากมีหลายคนบ่นว่าโฮมเพจเดิมแย่มาก ไม่ค่อยมีข้อมูลอะไร โผล่เข้ามาก็เจอชื่อคนในแล็บเลย แถมรูปต่างๆ ก็ไม่สวย (โฮมเพจที่ใช้อยู่นี้มีมาตั้งแต่ ศ. คนเก่ายังไม่เกษียณ แสดงว่าอย่างน้อยสองปีแล้ว) ทีนี้ไหนๆ ก็จะทำใหม่ เลยเอา Pukiwiki มาใช้เป็นจัดการเนื้อหา ทำให้แก้ไขเนื้อหาได้ง่ายขึ้น Pukiwiki เป็น Wiki อันหนึ่งที่พัฒนาโดยคนญี่ปุ่น ใช้ php ทั้งหมด และไม่ใช้ DBMS ทำให้ติดตั้งง่าย และเป็นที่นิยมในญี่ปุ่น แต่หลังจากแก้ไขหน้าตาแล้ว ก็พบว่า Pukiwiki ยังมีข้อจำกัดในเรื่องการจัดการคนใช้ เพราะต้องกำหนดผู้ใช้ไว้ในไฟล์ pukiwiki.ini.php เอง ระบบไม่จัดการให้ ทำให้กำหนดพาสเวิร์ดลำบาก สุดท้ายเลยแก้ php เองให้ใช้ crypt() แล้วไปตัดพาสเวิร์ดมาจาก Solaris มาใช้เป็นอันว่าแก้ปัญหาได้ เพราะเอาไปผูกไว้กับ Solaris เลย ในแง่ความปลอดภัยแล้วคงไม่ดีเท่าไหร่ แต่จัดการแก้ใช้ Pukiwiki เช็คไอพีด้วย ถ้าเป็นคนนอกก็ไม่รับพาสเวิร์ดใดๆ ทั้งสิ้น คิดว่าคงปลอดภัยเพียงพอ ทีนี้ก็เหลือแต่จัดการเนื้อหา ตอนนี้เลยต้องมานั่งแปลภาษาญี่ปุ่นเป็นอังกฤษ เพราะจะได้มีเนื้อหาเท่าเทียมกัน

28 October 2004

OpenTTD Simutrans และ Locomotion

วันก่อนจัดการเคลียร์เครื่องเก่าลงวินโดว์ใหม่ หลังจากปล่อยมันมั่วๆ อยู่เป็นปี ระหว่างเคลียร์ก็เจอ Transport Tycoon Deluxe ที่เคยติดเมื่อสองปีก่อน เลยเอามาเล่นนิดหน่อย เสร็จแล้วมาดูเว็บ ทำให้รู้ว่าเดี๋ยวนี้เกมแบบ TTD นี่มีเยอะเหมือนกันนะ

  • OpenTTD -- เป็นโครงการพัฒนา TTD แบบโอเพ่นซอร์ส โดยอาศัยความรู้จาก TTDPatch ลักษณะโครงการคล้ายๆ กับ FreeCIV ทำให้ตอนนี้สามารถเล่น TTD บน Linux ได้แล้ว แต่ยังมีข้อจำกัดคือ OpenTTD ยังไม่มีกราฟิกเป็นของตัวเอง ต้องใช้ข้อมูลจาก TTD ดังนั้นคนที่จะเล่นได้ ก็คือคนที่มี TTD อยู่แล้วเท่านั้น
  • Simutrans -- เพิ่งเจอเมื่อวานนี้เป็นเกมแบบเดียวกับ TTD เลย คือ บริหารบริษัทขนส่งให้มีกำไรอยู่รอดได้ Simutrans นี่พัฒนาใหม่หมดเลย ดาวน์โหลดได้ฟรี แต่ไม่โอเพ่นซอร์ส มีเวอร์ชันบน Linux เหมือนกัน เมื่อคืนลองเล่นแล้ว สนุกดีเหมือนกัน ลักษณะการออกแบบรางรถไฟ หรือการกำหนดสัญญาณต่างๆ อาจจะสู้ TTDPatch ไม่ได้ ไม่สามารถสร้างเน็ตเวิร์คซับซ้อนมากๆ ได้ แต่ชอบระบบการขนส่งคนที่เหมือนจริงกว่า เพราะผู้โดยสารแต่ละคนมีจุดหมายของตัวเอง ว่าจะไปไหน จะไปเปลี่ยนรถที่ไหน ถ้ารถไฟขบวนไหนไม่ไปก็ไม่ขึ้น ไม่เหมือน TTD ที่รถขบวนไหนมาก็ขึ้นหมด ไม่มีการกำหนดว่าใครจะไปไหน ทำให้การบริหารรถแปลกๆ เพราะไม่จำเป็นต้องคิดมาก แค่หารถมาเพิ่มเพื่อให้ขนคนไปได้ก็พอ เกมนี้มีคนเล่นในญี่ปุ่นเยอะเหมือนกัน เพราะมีคนเอา Shinkansen มาทำเป็น addons ให้โหลดมาลองได้
  • Locomotion -- อันนี้เป็นเกมใหม่ล่าสุดของ Chris Sawyers คนพัฒนา TTD ดูแล้วเหมือนเป็นเวอร์ชันใหม่ของ TTD นั่นแหละ แต่คราวนี้เขาให้ Atari เป็นคนจัดจำหน่าย เลยเปลี่ยนชื่อเกมมั้ง อันนี้ยังไม่ได้ลอง เพราะไม่ฟรี เมื่อวานเข้าไปดูในเว็บหนึ่งเห็นว่าขายตั้ง 5000 กว่าเยน เพราะยังไม่วางขายในญี่ปุ่นโดยตรง ใช้นำเข้าจากอเมริกาเอาเอง (ในอเมริกา ราคาขายอยู่ที่ $29.99 รวมค่าส่งแล้วคงพอๆ กัน) อืม...เห็นราคาแล้วเอาไว้ก่อนล่ะกันนะ นอกจากนี้ไปอ่านพวกรีวิวแล้ว ส่วนใหญ่ยังไม่ประทับใจเท่าที่ควร จุดเด่นคือกราฟิกสวยกว่าเดิม แต่เรื่องระบบรางรถไฟดูเหมือนจะยังสู้ TTDPatch ไม่ได้ เลยยังไม่คิดจะลอง

26 October 2004

The Da Vinci Code

เพิ่งอ่านจบหมาดๆ เลยต้องเขียนถึงซักหน่อย ได้ยินชื่อหนังสือเล่มนี้มาซักพักใหญ่แล้ว แต่ไม่ได้สนใจเท่าไหร่ เพราะเป็นโรคไม่กินเส้นกับภาษาอังกฤษในนิยาย จนมีคนชักชวนให้อ่านบอกว่าสนุก ลึกลับ น่าติดตาม เลยต้องหามาอ่านซักหน่อย The Da Vinci Code เป็นเรื่องที่มีพล็อตพื้นๆ พบได้ทั่วไป คือ พระเอกกับนางเอกต้องเอาไปพัวพันกับเหตุการณ์ฆาตกรรมภัณฑารักษ์ของพิพิธภัณฑ์ลุฟร์ ซึ่งโยงไปยังเรื่องลึกลับที่ทุกคนคาดไม่ถึง เหมือนหนังฮอลลีวูดทั่วๆ ไป แต่จุดสนใจคือรหัสหรือข้อความที่ภัณฑารักษ์ทิ้งไว้ก่อนตาย ตัวเอกของเรื่องจะต้องถอดรหัสต่างๆ ที่ถูกทิ้งเอาไว้ เป็นจุดกระตุ้นความสนใจ เพราะทำให้อยากรู้ว่ามีอะไรซ่อนอยู่่ นอกจากนี้เนื้อหายังเชื่อมโยงกับสิ่งของและสถานที่ที่มีอยู่จริง และเกี่ยวข้องกับต้นกำเนิดของคริสตศาสนา ผมว่าผู้เขียนต้องทำงานหนักมาก เพื่อเชื่อมโยงสิ่งต่างๆ เข้าด้วยกัน เพื่อสร้างจุดเด่นของนิยาย

ส่วนเรื่องภาษาอังกฤษ ศัพท์ต่างๆ ไม่ยากอย่างที่คิด แต่ที่ลำบากคือมีภาษาฝรั่งเศสเยอะมาก เพราะเหตุการณ์ค่อนเรื่องเกิดในฝรั่งเศส ส่วนใหญ่ต้องเดาเอาจะบริบทหรือรากศัพท์ เพราะคนแต่งแกไม่ยอมแปลไว้ให้เลย เอ..หรือว่าจงใจให้เดาก็ไม่รู้ ก่อนอ่านนิยายเล่มนี้ก็มีคนเตือนเหมือนกันว่า เนื้อเรื่องเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ในยุโรป และคริสตศาสนา ทำให้เข้าใจยาก แต่พออ่านแล้ว ไม่ยากอย่างที่คิด เรื่องที่พูดถึงส่วนใหญ่เคยได้ยินมาแล้ว (จากในห้องเรียนสมัยม.ต้น และหนังสือทั่วๆ ไป) ส่วนเรื่องที่ลึกจริงๆ ก็มักจะมีคำอธิบายตามมาเสมอ (เพราะตัวเอกในเรื่องก็ไม่รู้เหมือนกัน) เลยไม่ยากอย่างที่คิด

อ่านจบแล้ว อยากไปเที่ยวฝรั่งเศสจริงๆ ถ้าได้ไปคงต้องพกหนังสือเล่มนี้ไปด้วย แล้วก็เที่ยวตามหนังสือเลย อืม...แต่อ่านหนังสือแปลอีกซักรอบก็คงจะดีนะ เพราะรอบแรกรีบอ่านไปหน่อย คงตกรายละเอียดไปเยอะ แหะๆๆ มัวแต่อยากรู้ ว่าเรื่องมันจะเป็นยังไง ใครอยู่เบื้องหลัง

25 October 2004

NeoOffice/J

วันนี้เพิ่งไปเจอว่า NeoOffice/J ออกเวอร์ชันใหม่แล้ว คือ 1.1 Alpha 2 สนับสนุนฟีเจอร์ของ OpenOffice.org 1.1.2 ลองใช้ดูแล้ว ดีทีเดียว หลังจากเดิมที่ไม่ประทับใจเวอร์ชัน 0.8.4 เท่าไหร่

NeoOffice/J เป็นโปรแกรมออฟฟิสแบบ native สำหรับ Mac OS X ที่พอร์ตมาจาก OpenOffice.org ทำให้ใช้งานสะดวกกว่า OpenOffice.org ที่ปัจจุบันยังไม่มีเวอร์ชันที่เป็น native ต้องผ่านใช้ X11 ซึ่งไม่สามารถใช้คุณสมบัติต่างๆ ของ Mac OS X ได้อย่างเต็มที่ เช่น ระบบอินพุตภาษาญี่ปุ่น ก็ต้องหา kinput2 หรือ uim มาใช้เอง อย่างไรก็ดี คาดว่า OpenOffice.org เวอร์ชันต่อไป ก็จะสนับสนุน Mac OS X แบบ native แล้วล่ะ (โดยคงเอาซอร์สจาก NeoOffice/J ไปรวมด้วย)

23 October 2004

แผ่นดินไหว

ปีนี้ญี่ปุ่นเป็นอะไรเนี้ย... ไต้ฝุ่นแรงๆ มาตั้งหลายลูก เรื่อยๆ ตั้งแต่เดือนมิถุนา จนเข้าเดือนตุลาก็ยังไม่หมด อาทิตย์ที่ผ่านมา ก็เพิ่งเป็นไต้ฝุ่นลูกใหญ่มากผ่านประเทศไป มีทั้งน้ำท่วม แผ่นดินถล่ม บ้านพัง คนเสียชีวิตไปเยอะเลย วันนี้มีแผ่นดินไหวอีกแล้ว เกิดที่จังหวัดนีกะตะทางตอนเหนือของประเทศ ความแรงครั้งแรกอยู่ที่ 6.8 ริกเตอร์ ตอนนี้ยังมีอาฟเตอร์ชอคตามมาเรื่อยๆ เห็นว่าจะมาต่อกันอีกหลายวัน แผ่นดินไหวนี้ทำเอารถไฟชินคันเซ็นตกราง บ้านพัง แถมมีแผ่นดินถล่มด้วย เนื่องจากฝนเพิ่งหยุดตก ดินยังอ่อนอยู่ ต่อไปจะมีภัยธรรมชาติอะไรมาอีกเนี้ย.. ตอนนี้คงต้องเริ่มเตรียมการรับมือไว้บ้างแล้ว

22 October 2004

30 ปี ภาษา Pascal

วันนี้เจอข่าวใน ./ พูดถึงงานประชุมในโอกาสครบรอบ 30 ปี ภาษา Pascal อืม... 30 ปี แล้วหรือเนี้ย ช่วง 4-5 ปีนี้ Pascal หายไปจากชีวิตเลยแฮะ ทั้งๆ ที่เรียนภาษานี้เป็นภาษาที่สอง และอยู่กับภาษานี้มาตลอด หลังจากเริ่มต้นเขียนโปรแกรมด้วยภาษา Basic ด้วย basica ที่มากับ MS DOS สมัยนั้น Basic ยังมีเลขบรรทัดอยู่ ใช้ goto กันแหลกเลย พออยู่ม.1 ก็เริ่มอ่านหนังสือภาษา Pascal เอง ขนาดวันที่โรงเรียนหยุดช่วงสอบปลายภาค ก็รีบๆ อ่านหนังสือที่จะสอบให้จบๆ ไป เพื่อจะได้อ่านหนังสือ Pascal ต่อ ตอนนั้นยังใช้ Turbo Pascal 3 อยู่ กี่ปีแล้วเนี้ย.... จากนั้นก็ใช้ Pascal มาตลอด มี Turbo Pascal 5.5 ออกมาสนับสนุน OO ก็ลองหาหนังสือมาอ่านดู แต่ก็ไม่เข้าใจ ว่ามันคืออะไร ต่างจากเดิมยังไง จนเข้ามหาวิทยาลัย ถึงจะได้มาจับ C แล้วความรู้สึกก็คือ ภาษาอะไรเนี้ย ทำไมมันสร้างความสับสนได้ง่ายขนาดนี้ เพราะ Pascal มีระบบระเบียบ ไม่ค่อยสับสนเท่าไหร่ ช่วงอยู่เรียนมหาวิทยาลัยนี้ก็เริ่มห่างจาก Pascal ไปหน่อย มีภาษาใหม่ๆ เข้า รวมทั้ง Java แต่พอเรียนจบก็ได้ใช้ Pascal หาเงินอีกแหละ แต่เปลี่ยนไปเป็น Delphi แทน จนมาอยู่ญี่ปุ่นนี่แหละ ถึงได้ตัดขาดจาก Pascal ไปเลย ช่วงนี้ใช้แต่ C, Prolog แล้วก็ Java นิดหน่อย... ว่าแล้ว สงสัยต้องไปหา Pascal มาลองเขียนรำลึกความหลังสักหน่อยแล้ว

20 October 2004

Tekitou -- 適当

เมื่อวานไปนั่งประชุมมา เกือบขำกลางห้องประชุม เพราะคำว่า tekitou นี่แหละ คำนี้ถ้าดูตามพจนานุกรมจะแปลว่าเหมาะสม แต่ถ้าพอเป็นสแลงแล้ว กลับมีความหมายตรงข้าม คือแปลว่ายังไงก็ได้ หรือส่งเดช แถมสแลงเนี้ยใช้บ่อยกว่าด้วย ทำให้บางคนเข้าใจผิดไปเลย ที่นี้ที่เกือบหลุดในที่ประชุม ก็เกิดจากอาจารย์แกอ่านประกาศของมหาวิทยาลัยให้ฟัง ตรงประโยคประมาณว่า "ผู้ที่มีผลงานเหมาะสม จะได้พิจารณาให้เลื่อนตำแหน่ง" แล้วเขาใช้คำว่า tekitou ซึ่งก็ถูกต้อง แต่ใช้บ่อยมากเวลาในเอกสารที่เป็นทางการ แต่สำหรับเรา พอฟังเพลินๆ ก็แปลได้ว่า ผู้ที่มีผลงานยังไงก็ได้ จะได้พิจารณาให้เลื่อนตำแหน่ง นึกแล้วตลกจนเกือบขำออกมา

18 October 2004

IE: User vs Developer

ช่วงนี้เปลี่ยนมาเขียนหัวข้อเป็นภาษาอังกฤษเพื่อความเท่ห์ :P จริงๆ แล้วมีคนบอกมาว่าขอหัวข้อภาษาอังกฤษก็ยังดี วันนี้เจอข่าวที่ ITMedia เกี่ยวข้องกับการใช้งานโปรแกรม Microsoft Internet Explorer ซึ่งพบว่าคนใช้ IE ลดลงประมาณ 2% โดยส่วนใหญ่หันไปใช้ Firefox กับ Opera แทน แต่ก็ยังไม่สามารถเลิกใช้งานได้ทันที เนื่องจากบริการส่วนใหญ่ ยังบังคับให้ใช้ IE เนื่องจากไม่สนับสนุนบราวเซอร์แบบอื่นๆ พอไปถามนักพัฒนาเว็บ ก็ได้ความว่า ปัญหาเนื่องจากการทำให้สนับสนุนบราวเซอร์ตัวอื่นๆ จะมีค่าใช้จ่ายสูงขึ้น อ่านแล้วก็ อืม... ในงานที่จำเป็นจริงๆ ก็ยอมรับได้ล่ะนะ (ส่วนตัวแล้วคิดว่าน้อยมากๆ ที่จำเป็น) แต่บางทีพยายามบอกว่าต้องใช้ IE ทั้งๆ ที่ไม่เป็นจำเป็นเลย ใช้บราวเซอร์ตัวอื่นๆ ก็เปิดได้เหมือนกัน อย่างกรณี thaigov.go.th

เนื่องจากส่วนตัวไม่ใช่นักพัฒนาเว็บ เคยแต่ทำเล่นๆ กับทำเว็บเฉพาะกิจ แต่ในฐานะนักท่องเว็บ บางครั้งก็สงสัยว่า ลูกเล่นต่างๆ บนเว็บนั้นจำเป็นแค่ไหน เพราะรู้สึกว่าเว็บไทยส่วนใหญ่ ใช้ลูกเล่นเยอะมากๆ แต่ไม่จำเป็น ทำให้เข้าถึงข้อมูลได้ช้ากว่าเดิมด้วย อย่างพวกรูปภาพเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา หรือ Flash ต่างๆ ผมว่าลด ละ เลิก บ้างก็ได้มั้ง ไม่เห็นมีประโยชน์เลย เสียเวลาทำ เสียเวลาโหลดเปล่าๆ ผมเองไม่เคยดู Flash ที่ทำไว้ที่ทางเข้าเว็บเลย เพราะเข้าไปก็เพื่อหาข้อมูล แต่ต้องมาเจออะไรก็ไม่รู้ที่ต้องการ ทำให้หงุดหงิดเปล่าๆ ผมว่าเน้นที่เนื้อหาดีกว่า เนื้อหาดีก็มีคนมาดูเองแหละ หรือจะออกแบบสวยๆ ก็เน้นให้อ่านง่ายๆ ดีกว่า เว็บที่ใช้ลูกเล่นหรือสคริปต์อย่างประโยชน์ เท่าที่เห็นก็ต้องยกให้ Gmail กับ Blogger (บริษัทเดียวกันนั่นแหละ) เขาใช้ Javascript เพื่อความเร็วในการทำงาน หรือลดโหลดของเซริฟเวอร์จริงๆ ไม่ใช่เพื่อลดความเร็ว หรือทำให้งานช้าลง เฮ้อ...วันนี้บ่นอีกแล้ว ให้ความรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นตาลุงแก่ที่ไม่มีศิลปะในหัวใจ จะเอาแต่เนื้อหาไม่สนใจสิ่งประกอบ (อย่าว่าแต่เว็บเลย ขนาดศาสนาผมก็ยังรับแต่แก่นเลย พวกเปลือกศาสนายังไม่ค่อยอยากได้เลย) ว่าแต่บ่นแล้ว ขอบ่นอีกหน่อย คือว่าเวลาเข้าเว็บของหน่วยงานราชการไทย สิ่งแรกที่ต้องเจอคือ ประวัติหรือผลงานของผู้บริหาร เอ่อ...อยากจะบอกว่าไม่มีก็ไม่เป็นไรมั้ง แล้วเอาแผนงานหรือนโยบาย เอกสารเผยแพร่ต่างๆ ของหน่วยงานมาใส่ไว้ดีกว่าไหม บางหน่วยงานเข้าไปเจอแต่ประวัติหน่วยงาน แล้วก็ตามด้วย ประวัติ คุณงามความดีของผู้บริหาร แล้วก็ไม่มีอะไรแล้ว เข้าไปแล้วก็งงว่าทำมาทำไม อย่างนี้ไม่มีเว็บก็คงไม่มีใครว่ากระมัง (แรงไปไม่เนี้ยตู) พอแล้วดีกว่า....

13 October 2004

秋桜 (Akizakura)

เริ่มเข้าฤดูใบไม้ร่วงแล้ว แต่ปีนี้อากาศดูเหมือนจะอุ่นกว่าทุกปี ใบไม้เลยยังไม่เริ่มเปลี่ยนสี แถมอาทิตย์ที่แล้วยังมีพายุมาส่งท้ายอีกหนึ่งลูกด้วย แต่ช่วงนี้ดอกดาวกระจายกำลังบาน เมื่อวันหยุดที่ผ่านมาเลยไปถ่ายรูปแถวสวน Expo'70 (ที่เดิม) มาอีกแล้ว สวนนี้ไปได้บ่อยๆ เพราะขี่จักรยานแค่ 10 นาทีจากแล็บ ก็ถึงแล้ว

ว่าแต่ทำไมดอกดาวกระจายของญี่ปุ่นส่วนใหญ่เป็นสีชมพูออกบานเย็นก็ไม่รู้ ไม่ค่อยเห็นพันธุ์ที่เป็นสีเหลืองออกส้มๆเหมือนแถวบ้านเรา ด้วยสีและความที่ออกดอกสะพรังพร้อมกันกระมัง ทำให้คนญี่ปุ่นเรียกดอกดาวกระจายว่า อะกิซะกุระ หรือ ซะกุระประจำฤดูใบไม้ร่วง เพราะคงคล้ายกับดอกซะกุระที่มีสีชมพูอ่อน และออกพร้อมในช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิ

12 October 2004

Ubuntu Linux

วันก่อนลองเอา Ubuntu Linux มาลงที่บ้าน Ubuntu เป็นดิสตริบิวชันที่สร้างบน Debian เวลาติดตั้งก็จะเหมือน Debian ทุกประการ (ใช้ตัวติดตั้งใหม่) แตกต่างเฉพาะส่วนแพกเกจซึ่งเขาจะทำเอง และตั้งค่าต่างๆ มาให้แล้ว เพราะฉะนั้นจะไม่มีการเลือกแพกเกจ แต่จะบังคับลงตามกำหนดก่อน พอลงเสร็จแล้วค่อยไป apt-get เพิ่มเอาเอง ก็ดีเหมือนกันนะ เรียบง่ายดี ไม่ยุ่งยาก สะดวกกว่าลง Debian โดยตรง ที่ต้องเลือกแพกเกจพวก X หรือ Gnome เอง กว่าจะติดตั้งเสร็จก็เหนื่อยแล้ว

10 October 2004

Skype.com

เห็นข่าวเกี่ยวกับ Skype.com ใน slashdot.jp มาหลายวันแล้ว แถมวันก่อนรุ่นน้องที่แล็บมาชวนให้ลองเล่น เลยเอามาลองซักหน่อย Skype เหมือนโปรแกรมพวก instant message ทั่วไป แต่เน้นให้ใช้สำหรับพูดคุยแทนโทรศัพท์ โดยบอกข้อดีมาเพียบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องคุณภาพเสียง ความสามารถทำงานผ่านไฟร์วอลล์แบบต่างๆ แถมยังมีให้ใช้ทั้งบน Windows, Mac แล้วก็ Linux ซึ่งแตกต่างจากโปรแกรมตัวอื่นๆ ที่มักจะเน้นแต่ Windows เท่าที่ลองใช้ดู (ในประเทศญี่ปุ่น) ก็รู้สึกว่าเสียงชัดดี ไม่มีติดขัด แถมคุยกันมากกว่าสองคนก็ได้ นอกจากนี้ที่น่าสนใจคือบริการ SkypeOut ซึ่งต้องเสียตังค์ แต่ใช้โทรไปยังเบอร์โทรศัพท์ได้ ในราคาที่ถูกมาก อย่างโทรไปกรุงเทพ ก็นาทีละประมาณ 0.05 ยูโร ทำให้น่าสนใจอย่างยิ่ง เอาไว้ต้องลองใช้โทรกลับบ้านบ้างแล้ว

วันก่อนลงใช้ SkypeOut แล้ว เสียงชัดดี แต่มีดีเลย์นิดหน่อย พูดต่อเนื่องแบบโทรศัพท์ไม่ได้ แต่ก็ยังคุยกันรู้เรื่อง โอเคแหละ แหะๆๆ เพราะราคาถูก

Mac ในมุมมองของผู้ใช้ PC

วันนี้เจอบทความของคุณอานันท์แห่ง AnandTech พูดถึง Mac ในมุมของคนที่ใช้ PC เป็นหลัก บทความยาวมาก ยังอ่านไม่จบเลย แต่เท่าที่อ่านตอนต้นๆ เขาค่อนข้างจะมีความรู้สึกที่ดีต่อ Mac OS X ไว้อ่านให้จบก่อนแล้วค่อยมาสรุปล่ะกัน ทิ้งลิงก์ไว้ก่อน

04 October 2004

Bookmark

วันนี้เจอลิงก์น่าสนใจหลายอัน แต่ยังไม่มีเวลาอ่าน มัวแต่จัดการเครื่องคุณเลขาอยู่ จดไว้ก่อนล่ะกัน

Windows XP SP2

ไม่ได้เขียน blog ซะตั้งนานหลังจากไปเป็นไกด์จำเป็นพาอาจารย์ และรุ่นน้องเที่ยวที่เมืองไทย ไปเมืองไทยครั้งนี้ไม่ค่อยได้อยู่บ้านเลย เพื่อนก็ไม่ได้เจอ เพราะมัวแต่เป็นเที่ยว วันนี้เห็นข่าวที่ impress watch เรื่องที่ไมโครซอฟท์เอาซีดีรอม Service Pack 2 ของ Windows XP ไปวางแจกไว้ตามที่ทำการไปรษณีย์ทั่วญี่ปุ่น ดูท่าทางไมโครซอฟท์จะจริงจังกับเรื่องความปลอดภัยของระบบมากขึ้น ที่จริงก่อนอ่านข่าว ก็ได้รับแจกมาตั้งแต่วันศุกร์แล้วล่ะ เผอิญไปช่วยลุงบ๊อบส่งจดหมาย แล้วเห็นมีวางแจกอยู่เลยหยิบติดมือมาด้วย ตอนแรกไม่คิดว่าจะเป็น SP2 หรอก เพราะเขาเขียนตัวใหญ่ๆ ว่าเป็นซอฟท์แวร์จัดการความปลอดภัยให้กับคอมพิวเตอร์ เลยคิดว่าใครทำมาแจกเพื่อโฆษณาซะอีก ว่าแต่เอามาแล้วยังไม่ได้ลงเลย เพราะตัวเองไม่ค่อยได้ใช้วินโดว์ ส่วนคนในแล็บก็ยังกลัวๆ ว่าจะส่งผลให้โปรแกรมที่ใช้อยู่ทำงานไม่ได้ เลยยังไม่ได้ลงกัน

06 September 2004

SCIM

หลังจากใช้ Blog เป็นที่ระบายอารมณ์ส่วนตัวมาซักพักใหญ่แล้ว วันนี้เขียนเรื่องมีสาระบ้างดีกว่า เพิ่งเห็น slashdot.jp คุยกันเรื่อง SCIM (Smart Common Input Method) อ่านเจอครั้งแรก ก็นึกว่าออกมาอีกแล้วเหรอ เพราะตอนนี้โปรแกรมสำหรับจัดการอินพุตที่ใช้บน X Window ก็มีมากมายนับไม่ถ้วนแล้ว ไม่นานมานี้ก็เพิ่งมี UIM (Universal Input Method) ออกมา โดยมีเป้าหมายจะทำเป็นอินเตอร์เฟสสำหรับระบบอินพุตหลายๆ แบบ ทำให้ใช้ร่วมกันได้ หลายภาษา แต่ส่วนใหญ่ก็เน้นที่ภาษาจีน ญี่ปุ่น เกาหลี เพราะภาษาพวกนี้มีตัวอักษรเยอะเกิน จะทำตารางเปลี่ยนตัวต่อตัวแบบภาษาไทยไม่ได้ ต้องใช้วิธีพิมพ์คำอ่านเข้าไป แล้วให้ผู้ใช้เลือกว่าจะเอาตัวไหน ตอนนี้ก็ใช้ UIM อยู่เพราะใช้งานสะดวกเนื่องจากเป็นโมดูลหนึ่งของ GNOME ทำให้เปลี่ยนภาษาไปมาได้ง่าย อีกเหตุผลหนึ่งก็คือ uim-anthy ซึ่งใช้ตัวแปลงอักษรภาษาญี่ปุ่นชื่อ anthy จะดูฉลาดกว่า canna หรือ wnn เช่นถ้าพิมพ์เข้าไปเป็นประโยคยาวๆ แล้วมักจะเลือกตัวอักษรได้ตรงเลย ไม่ต้องเลือกทีละตัวเหมือนเวลาใช้ canna ตอนนี้มี SCIM ออกมาอีก ้เป้าหมายคล้ายๆ กัน ไม่รู้ใครเริ่มก่อน หลังจากไปอ่านในเว็บแล้ว ดูเหมือน SCIM จะดีกว่าตรงที่ใช้งานได้กว่า สามารถกำหนดค่าต่างๆ จากวินโดว์ที่ขึ้นมาได้เลย สะดวกกว่า UIM แต่ดูเหมือนว่ายังไม่สนับสนุนภาษาญี่ปุ่น (ดูเหมือนจะริเริ่มทำโดยคนจีน ส่วน UIM นั่นเริ่มโดยคนญี่ปุ่น) ถ้าอยากใช้ก็มี SCIM-UIM เป็นสะพานเชื่อมไปยัง UIM อีกที เอากันเข้าไป จาก SCIM เชื่อมไปยัง UIM แล้วเชื่อมไปยัง anthy อีกที เฮ้อ....ถ้าจะใช้ต้องลงโปรแกรมกี่ตัวเนี้ย ดูท่าทางยุ่งยาก เลยยังไม่ได้ลอง ไว้ว่างๆ ค่อยลองล่ะกัน แต่ดูหน้าตาแล้วน่าใช้เหมือนกันนะ

05 September 2004

ลอร์ดออฟเดอร์ริงส์

เมื่อวานเพิ่งได้ฤกษ์ดู LOTR คนอื่นเขาดูกันจนเลิกพูดถึงกันไปแล้ว อิๆ ดูวันเดียวสามภาคเลย เพราะเป็นคนไม่ชอบดูอะไรเป็นขาดๆ เป็นตอนๆ ที่แบบว่าต้องรออีกปีถึงจะมาฉายต่อ ที่จริงก็เคยดูภาคหนึ่งแล้วนิดหน่อยที่บ้านเพื่อน แต่ไม่ได้ตั้งใจดูจนลืมเนื้อเรื่องหมดแล้ว ถ้าถามว่าดูแล้วเป็นยังไงบ้าง อืม....

  • รู้สึกว่าหนังเรื่องนี้มีครบทุกรสจริงๆ ทั้งเรื่องเกี่ยวกับตำนาน ความลึกลับ ความน่าสะพรึงกลัว เวทมนตร์ สงคราม การพลัดพราก ความรักสามเส้า ตลกขบขัน แถมยังมีฉากที่ดูคล้ายๆ ละครไทยอีกด้วย ประมาณว่าตัวอิจฉา ทำให้ผิดใจกัน หุๆๆ
  • ดูสามภาคแล้ว ชอบภาคสองมากที่สุด สงครามในภาคนี้ดูยิ่งใหญ่ ซาบซึ้งที่สุด ภาคแรกจะเน้นที่การแนะนำตัวละคร ปูพื้นเรื่อง ส่วนสงครามในภาคสาม ถึงแม้ว่าขนาดจะใหญ่กว่ามากๆ แต่ก็รู้ๆ กันอยู่ว่าฝ่ายพระเอกจะชนะ (มันจะจบเรื่องแล้ว แต่ภาคสองไม่แน่อาจจะให้แพ้ก่อนก็ได้) แล้วสงครามในภาคสามก็เป็นแนวเดิมๆ ก็เลยไม่ซาบซึ้งเท่าที่ควร แถมยังมีสงครามหลายครั้งด้วย ทำให้รู้สึกว่าขาดจุดเด่น
  • ชอบฉากจบ เพราะดูโฟรโดเป็นปุถุชนดี ยังถูกครอบงำจากแหวนได้ แต่จบแบบนี้ก็ทำให้โฟรโดดูไม่เป็นพระเอกเท่าที่ควร เพราะดูเหมือนแหวนถูกทำลายโดยบังเอิญ แต่คิดแล้วก็ชอบให้จบแบบนี้นะ เพราะไม่ชอบหนังประเภทพระเอกคนเดียวทำได้ทุกอย่าง
  • มีเรื่องติดใจหลายเรื่องเหมือนกัน เช่น Saruman หายไปไหน ในภาคสองก็ยังอยู่บนหอคอยดีๆ ภาคสามกลายเป็นว่าหมดพลังอำนาจไปแล้ว (จากคำพูดของ Gandalf) ไหนๆ หนังก็ยาวขนาดนี้แล้ว น่าจะมีรายละเอียดให้ดูอีกสักหน่อยนะ แล้วตัวร้ายอย่าง Sauron ทำไมดูเหมือนไม่ค่อยมีอำนาจอะไรเลย โฟรโดเข้าไปใกล้ขนาดนั้นแล้วยังไม่รู้อีก เหมือนเป็นแค่ไฟส่องทางอะ แล้วเวลาทำสงครามทำไมฝ่ายพระเอกไม่ค่อยมีเครื่องทุนแรงเลย มีแค่ดาบกับธนู แล้วก็ Catapult นิดหน่อย ฝ่ายผู้ร้ายมีตั้งหลายอย่าง ทั้งสัตว์ประหลาดตัวใหญ่ๆ ด้วย

สรุปโดยรวมแล้ว ชอบอะ จัดอยู่ในอันดับต้นๆ ของหนังที่ชอบเลย สมแล้วที่ได้รางวัลมากมาย แต่ถ้าจะให้ดูอีกรอบนี่ต้องขอคิดหน่อยนะ แหะๆๆ เรื่องยาวไปหน่อย ว่าแต่ตอนนี้กำลังอยากดูเรื่อง The Village แต่ต้องรอวันเสาร์หน้า ไปอ่านแถว pantip.com มีคนบ่นกันเยอะ ว่าไม่สนุก คล้ายๆ กับ Signs แต่เนื่องจากชอบเรื่อง Signs มาก ทำให้น่าติดตามดู

03 September 2004

วิกิพีเดีย(อีกครั้ง)

หลังจากเห่อเขียนวิกิพีเดียภาษาไทย ก็ไปคุยกับหลายๆ คน แล้วได้ความคิดเห็นเหมือนๆ กัน คือ อยากช่วยเขียนนะ แต่ไม่ทำเพราะเดี๋ยวก็จะมีคนเอาไปใช้ประโยชน์ หรือเอาไปเป็นของตัวเอง โดยไม่อ้างอิง เหมือนที่เกิดทั่วไปตามเว็บบอร์ดต่างๆ ที่มีใครเขียนอะไรดีๆ ไว ้ก็ตัดไปส่งเมลต่อๆ กัน โดยไม่บอกที่มา (มีคนพูดว่า ไม่รู้เป็นไง เนื้อหายาวๆ ตัดไปได้ครบ แต่ตัดแค่ url อีกหน่อยเดียวไม่ได้) หรือเอาเรื่องสั้นที่คนอื่นเขียนไปส่งประกวดในชื่อตัวเองก็มีแล้ว คิดแล้วก็จริงเนอะ แล้วยิ่งเขียนวิกิพีเดียเนี้ย ไม่มีชื่อคนเขียนหรือแปลด้วยซ้ำ ดูในประวัติก็มีแค่ชื่อล็อกอิน ซึ่งไม่บอกอะไรเลย แบบว่าไม่มีใครรู้เลยว่าเราเขียน แต่ฟังแล้วก็ยังคิดว่าจะเขียน (แปล) ต่อไปล่ะ ไม่ได้เป็นคนดีอะไรหรอกนะ เหตุผลคือตอนนี้ยังสนุกที่จะเขียน หมดสนุกเมื่อไหร่ก็เลิก ไม่สนอะไรอยู่แล้ว

ส่วนที่ว่าจะแก้ปัญหานี้ยังไง ไม่รู้อะ ตอบง่ายๆ ก็คงต้องปลูกฝังหรือรณรงค์มั้ง แต่ไม่สน ให้คนอื่นเขาทำล่ะกัน เพราะรู้สึกว่าตัวเองไม่ใช่นักรณรงค์ หรือนักปฏิวัติ ขอทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ และไม่ก้าวก่ายใครก็พอ

01 September 2004

Gmail

เพิ่งมีโอกาสใช้ Gmail เมื่อวานนี้ เพราะมีพี่คนนึงให้มา พอสมัครไปก็ออกไข่ (ให้สิทธิไปชวนเพื่อนมาสมัคร) มาอีก เลยแจกจ่ายไปให้เพื่อนไปบ้างแล้ว ดูเหมือนเขาจะพยายามหาสมาชิกมากขึ้นนะ เพราะออกไข่มาบ่อยเหลือเกิน ลักษณะโดยรวมแล้วชอบนะ ชอบแนวคิดเรื่อง label ซึ่งคล้ายๆ folder แหละ เพียงแต่ไม่ได้เก็บเมลแยกกัน แต่ระบุประเภทหรือทำเครื่องหมายเอาไว้มาเมลนี้เป็นประเภทไหน ทำให้ค้นหาได้ง่ายขึ้น

ตอนนี้ก็ยังมีปัญหาอยู่เหมือนกัน เนื่องจาก Gmail จะแปลงเมลเป็น unicode โดยดูตามรหัสที่ระบุมาในเมล เลยทำให้เกิดปัญหากับเมลภาษาไทย ที่ส่งมาจากพวก hotmail.com หรือ yahoo.com เพราะพวกนี้มั่ว โดยกำหนดรหัสให้เป็น us-ascii ทั้งหมด ทำให้ Gmail แปลงเป็น unicode ผิด เพราะตัวอักษรไทย ก็จะกลายเป็นพวกตัวพิเศษต่างๆ ตามที่ระบุไว้ใน us-ascii ทำให้อ่านไม่ได้ ที่จริงปัญหานี้มีมานานแล้วล่ะ (สำหรับตัวเองก็รู้มาได้ 5 ปีแล้ว) สมัยก่อนใช้ Mew บน Emacs อ่านเมล ซึ่ง Mew ก็จะจริงจังกับรหัส ทำให้อ่านไม่ออก เวลาอยากจะอ่านที ก็ต้องไปเปิดซอร์สแล้วแก้รหัสเองให้เป็น tis-620 ก่อน แล้วกลับมาเปิดใน Mew อีกที ถึงจะอ่านได้ หลังๆ หันมาใช้ mozilla ปัญหาเลยลดลงหน่อย เพราะ mozilla ยอมให้เปลี่ยนรหัสได้ทันทีจากเมนู แต่หลังๆ ก็อาจจะชินชาด้วยแหละ คืออ่านไม่ได้ก็ไม่อ่าน ไม่สน เพราะส่วนใหญ่เป็นเมลส่งต่ออยู่แล้ว ไม่อ่านซักอันหนึ่งก็ไม่มีปัญหา ลองอ่านใน help ของ Gmail ดูเหมือนจะมีคนไปบ่นไว้เหมือนกัน เขาก็ตอบว่าจะพยายามแก้ ส่วนตอนนี้ให้เปิดดูต้นฉบับของเมล (ซึ่งจะไม่เปลี่ยนเป็น unicode) แล้วให้เลือกรหัสเอาเองล่ะกัน ตามความรู้สึกของตัวเองแล้ว Gmail แก้แค่นี้ก็ดีแล้วล่ะ ไม่ควรจะต้องแก้ปัญหามากกว่านี้ (จริงๆ แก้แค่นี้ก็เปลืองที่ไปเยอะเลยนะ เพราะต้องเก็บต้นฉบับเมลไว้หมด แทนที่จะเก็บแค่ส่วนที่แปลงเป็น unicode แล้วก็พอ) เพราะคนที่ต้องแก้คือคนส่ง ควรจะระบุรหัสให้ถูกมาตั้งแต่แรก ถ้าจะระบุว่าเป็น us-ascii เวลาเจอภาษาไทย ก็ต้องแปลงเป็น ? จะได้รู้ว่ารหัสมันผิด หรือหาทางแก้อย่างอื่นเช่น ส่งเป็น html แล้วใช้ character entity แทน ไม่ใช่ดันทุรังส่งดื้อๆ อย่างนั้น เพราะมันทำให้มั่วไม่รู้จบ แล้วพอใช้กันเยอะๆ เลยกลายเป็นหน้าที่ของคนรับที่ต้องทำยังไงก็ได้ให้อ่านให้ได้ ซึ่งมันแปลกๆ เฮ้อ...ช่วงนี้บ่นเยอะแฮะ

28 August 2004

วิกิพีเดีย

ช่วงนี้กำลังเห่อวิกิพีเดีย วันนี้เข้าไปนั่งเขียนเรื่องใกล้ตัว เกี่ยวกับปัญญาประดิษฐ์ ไปได้ห้าหรือหกหัวข้อแล้ว แปลเป็นส่วนใหญ่แหละ มีเขียนเองทั้งหมดแค่สองหัวข้อเองมั้ง เพราะอ่านภาษาอังกฤษดูแล้วก็รู้สึกว่าเขาเขียนไว้ดีแล้ว ก็แปลเลยล่ะกันง่ายดี แต่แค่แปลนี่ก็ยากแล้วล่ะ อย่างแรกคืออ่านแล้วเข้าใจ แต่ไม่รู้จะเขียนเป็นภาษาไทยว่าอะไรดี (ความสามารถในการเขียนต่ำ) อย่างที่สองคือพวกศัพท์เทคนิคจะทำยังไงดี โดยความคิดส่วนตัวแล้วอยากใช้ศัพท์บัญญัติ หรือคำไทยทั้งหมด ไม่อยากใช้ทับศัพท์ ที่ทำอยู่ตอนนี้คือเริ่มต้นจากหาในเว็บศัพท์บัญญัติของราชบัณฑิตยสถาน แต่ไม่ค่อยช่วยเท่าไหร่ เนื่องจากศัพท์ที่กำลังแปลเป็นพวกชนกลุ่มน้อย ไม่มีใครเขาใช้กัน ทำให้ราชบัณฑิตท่านยังไม่ได้บัญญัติไว้ ถ้าไม่มีที่นี่ก็จะไปหาในหนังสือของอ.บุญเสริม ซึ่งช่วยได้พอสมควร เพราะอ.จะใช้คำศัพท์ต่างๆ เป็นภาษาไทยอยู่แล้ว ถ้ายังไม่เจอ ก็จะใช้วิธีหาจาก google ใส่ภาษาอังกฤษลงไป แต่ใส่ site:th เผื่อจะมีที่เขาใช้กันโผล่มา ก็เจอบ้างเหมือนกันนะ สุดท้ายถ้าไม่มีจริงๆ ก็จะบัญญัติเอง แต่จะพยายามเลือกดูคำใกล้เคียงกับที่มีบัญญัติหรือใช้กันอยู่แล้ว หุๆๆ ไม่รู้จะเป็นยังไงเหมือนกัน แต่วิกิพีเดียดีตรงที่เสรี ถ้าใครไม่เห็นด้วยก็แก้ได้ หรือจะคุยกันก่อนก็ได้

26 August 2004

Mac OS X เดี้ยง

ใช้งาน Powerbook มาพักใหญ่แล้ว รู้สึกดี ไม่มีปัญหาอะไร แถมโปรแกรมต่างๆ ที่เคยใช้บน Linux ได้ก็เอามาใช้ได้หมด ทำให้สามารถทำงานได้สะดวกขึ้น จริงๆ ก็ยังมีปัญหาอยู่บ้าง แต่ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ไม่ทำให้รู้สึกไม่ดีกับ Panther ว่าแต่ใช้มาก็ตั้งนานแล้ว เครื่องยังไม่เคยรวน หรือค้างเลย จนกระทั่งเมื่อวานจะเข้าไปดูวิดีโอที่เป็นไฟล์ wmv ซักหน่อย เลยเอา Media Player ของ Microsoft มาลง เขามีแจกให้ฟรีอยู่แล้ว พอเปิดดูปรากฎเครื่องค้างหยุดทำงานไปเลย ทำได้อย่างเดียวคือกดสวิทช์ค้างไว้เพื่อตัดไฟ แล้วค่อยเปิดเครื่องใหม่ อืม....สมเป็น Microsoft จริงๆ ขนาดบน Mac ซึ่งไม่เคยมีปัญหา ก็ยังทำให้เดี้ยงได้ ไม่รู้ไปทำอะไรไว้ในโปรแกรม

จริงๆ แล้ว ผมไม่ได้รังเกียจ หรือตั้งแง่อะไรกับ Microsoft หรอกนะ ผมยังรู้สึกด้วยว่าโปรแกรมของไมโครซอฟท์หลายๆ ตัวก็ใช้งานได้ดี อย่างตอนนี้ก็ชอบ VB.Net กับ C# แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่ชอบก็คือนโยบายการผลิตโปรแกรม ผมรู้สึกว่าเขาเน้นผลิตโปรแกรมให้มีฟังก์ชันการทำงานเยอะๆ และเน้นความสะดวกสบายจนเกินไป ซึ่งทำให้ละเลยปัญหาต่างๆ ที่จะตามมา อย่างเช่น Outlook เดิมก็เน้นที่ความสะดวก ทำให้สามารถรันแมคโคร หรือรันโปรแกรมทันทีที่เปิดเมล ทำให้เกิดปัญหาไวรัสหรือความปลอดภัยมากมายจนถึงวันนี้ก็ยังมีโปรแกรมออกมาแก้เรื่อยๆ หรืออย่างเมื่อไม่นานมานี้ ก็อ่านเจอว่าเขาพยายามทำให้ XP รันโปรแกรมเก่าๆ ได้ โดยยอมแก้ปรับ XP ให้ทำงานแตกต่างออกไป เมื่อเจอโปรแกรมที่ระบุไว้ อย่างถ้าเจอ simcity.exe ก็ให้ใช้ระบบจัดการเมมโมรี่อีกแบบหนึ่ง เรื่องอย่างนี้แหละที่ผมไม่ค่อยชอบ เพราะผมเชื่อว่ามันจะทำให้เกิดปัญหามากมายแก้ยังไงก็ไม่จบ เพราะการทำงานไม่เป็นไปในทางเดียวกัน เกิดปัญหาขึ้นมาคงหากันแย่ อีกอย่างที่ไม่ชอบก็คือพวกฟังก์ชันอำนวยความสะดวกต่างๆ เช่น autocorrect ใน Microsoft Office ที่พยายามแก้อักษรต้นประโยคให้เป็นตัวใหญ่เสมอ ทำไมจะต้องกำหนดให้เปิดใช้งานไว้เลยก็ไม่รู้ ปิดไว้ก่อน แล้วให้ผู้ใช้เปิดใช้เองไม่ได้เหรอ ผมหงุดหงิดมาหลายทีแล้ว เราจะพิมพ์ตัวเล็กมันก็ไม่ยอม จะเปลี่ยนเป็นตัวใหญ่ท่าเดียว แล้วก็จะต้องเสียเวลาไปหาว่ามันจะปิดได้ที่ไหน ฟังก์ชันนึ้ไม่เคยใช้ซักที เพราะตัวใหญ่เวลาขึ้นประโยคเราก็พิมพ์เองอยู่แล้ว หรือพวกพิมพ์แล้วแก้ให้เลยก็ไม่เห็นจำเป็น พิมพ์ให้เสร็จทั้งหมดแล้วตรวจสะกดคำทีหลังก็ได้ ทำไมจะต้องมาวุ่นวายกับเราด้วย หรืออย่าง MSN Messenger ไม่จะต้องกำหนดให้เปิดเสมอเมื่อบูตเครื่อง ปิดไว้ก่อนไม่ได้เหรอ ถ้าอยากใช้แล้วไปกำหนดให้เปิดเองแหละ

วันนี้บ่นเยอะเลยแฮะ แต่หงุดหงิดมานานแล้ว เพราะดูเหมือนเราถูกยัดเยียดให้ใช้อะไรที่ไม่ต้องการ ไม่รู้ว่าคนอื่นจะคิดอย่างนี้หรือเปล่า คนที่ชินกับ autocorrect อาจจะรู้สึกว่าสะดวกก็ได้ เราอาจจะเป็นพวกหัวเก่าก็ได้ เพราะเติบโตมากับโปรแกรมบนดอสที่ไม่มีอะไรอย่างนี้ อยากใช้อะไรต้องอ่านแล้วใช้ให้ถูกต้องตามที่กำหนดถึงจะใช้งานได้ แล้วก็ยังเป็นพวกที่ชอบใช้ command-line มากกว่า GUI เพราะรู้สึกว่าสะดวกกว่า ได้ดังใจกว่า บ่นพอแล้ว ไปทำงานต่อดีกว่า

CD และ DVD ในแผ่นเดียวกัน

วันนี้เจอข่าวใน slashdot.jp เรื่อง DualDisc เมื่อวันก่อนมีการประกาศแผนสร้างแผ่น CD/DVD แบบใหม่ร่วมกันระหว่างหลายบริษัท (ตั้งเป็นกลุ่มชื่อ DualDisc Consortium) แผ่นแบบใหม่นี้จะทำหน้าหนึ่งเป็น CD แล้วอีกหน้าหนึ่ง DVD อยู่ในแผ่นเดียวกัน ทำให้สามารถทำแผ่นประเภทหน้าหนึ่งเป็นหนังเก็บในรูปแบบ DVD ส่วนอีกหน้าหนึ่งเป็นเพลงประกอบหลังเก็บในรูปแบบ CD ได้ โดยจะสามารถใช้งานกับเครื่องเล่นเดิมได้ เห็นว่าน่าจะวางขายแผ่นแบบนี้ได้ราวเดือนตุลานี้ น่าสนใจๆ

23 August 2004

วิ่งมาราธอน

เมื่อคืนเผลอหลับไปตอนหัวค่ำ ทำให้ตื่นมากลางดึกแล้วนอนไม่หลับ เลยเปิดทีวีดูโอลิมปิก มีแข่งวิ่งมาราธอนหญิงซึ่งญี่ปุ่นก็ถือว่าเป็นตัวเก็ง เพราะคราวที่แล้วคิวจังเคยได้เหรียญทองมาแล้ว คราวนี้ญี่ปุ่นส่งนักกีฬาหญิงไปสามคน จริงๆ ก็ไม่ค่อยสนใจวิ่งมาราธอนเท่าไหร่ เพราะรู้สึกว่าเป็นกีฬาที่ไม่น่าจะตื่นเต้น เนื่องจากวิ่งกันไกลเหลือเกิน น่าจะพอรู้อยู่แล้วว่าใครจะชนะ แบบว่าไม่น่าจะต้องลุ้นอะไรมาก แต่ไม่รู้จะดูอะไร เลยดูเรื่อยเปื่อย เริ่มแรกนักวิ่งก็ยังเกาะกลุ่มกันดี กลุ่มนำมีอยู่ประมาณสิบกว่าคน ปรากฏว่าญี่ปุ่นเกาะอยู่ในกลุ่มนี้ทุกคน เก่งแฮะ พอวิ่งไปถึงประมาณ 20 กว่ากิโล กลุ่มเริ่มแตก เหลือญี่ปุ่นกับเอธิโอเปียนำอยู่สองคน พอถึง 25 กิโล นักกีฬาญี่ปุ่นชื่อโนะกุจิ ก็เร่งความเร็วออกนำเอธิโอเปียเรื่อยๆ แล้วก็กลายเป็นผู้นำอยู่คนเดียว ส่วนนักกีฬาเอธิโอเปียความเร็วตก ถูกนักวิ่งจากอังกฤษ(เจ้าของสถิติโลก) กับเคนยาแซงไปได้ ญี่ปุ่นยังนำที่สองอยู่ประมาณ 30 วินาที พอถึง 36 กิโลปรากฎว่านักวิ่งจากอังกฤษเกิดหมดแรง หรืออะไรไม่รู้ หยุดวิ่งไปเฉยๆ ทำให้ญี่ปุ่นเป็นที่หนึ่ง ตามด้วยเคนยา สองคนนี้ห่างกันประมาณ 15 วินาที พอเข้าช่วงสุดท้าย เคนยาพยายามเร่งความเร็วหวังแซงญี่ปุ่นจนเข้ามาใกล้กันแค่ระยะประมาณ 10 วินาที แต่เร่งไม่ทัน ญี่ปุ่นเข้าเส้นชัยไปก่อนคว้าเหรียญทองไปครองได้สำเร็จเป็นครั้งที่สอง

ดูถ่ายทอดครั้งนี้แล้ว ตอนท้ายๆ รู้สึกลุ้น เพราะเคนยาเร่งความเร็วขึ้นมาเรื่อยๆ จนภาพบางมุมจะเห็นว่าใกล้กันมากจนน่าจะแซงได้ ว่ากันว่าคอร์สวิ่งครั้งนี้โหดมาก เพราะช่วง 25 กิโลจะเป็นทางขึ้นเขาตลอด แล้วจะมาลงเขาอีกทีตอนช่วงสุดท้ายเท่านั้น ฟังจากนักกีฬาญี่ปุ่นที่ให้สัมภาษณ์แล้วบอกว่าวิ่งไปตามแผนที่วางไว้ เนื่องจากตัวเองถนัดวิ่งขึ้นเนินมากกว่าวิ่งลงเนิน เลยต้องพยายามเร่งความเร็วช่วง 25 กิโลให้มากที่สุด เพราะช่วงท้ายที่เป็นทางลงเนินอาจจะวิ่งได้ช้าลงเนื่องจากไม่ถนัด แล้วก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ เพราะช่วงขึ้นเนินเธอวิ่งได้ดี ทิ้งห่างไปค่อนข้างไกล แล้วจะถูกไล่ตอนช่วงท้าย แต่เนื่องจากมีระยะจำกัดทำให้เธอสามารถเข้าเส้นชัยได้ก่อน เลยทำให้ได้ลุ้นตอนท้ายว่านักวิ่งจากเคนยาจะตามทันไหม

20 August 2004

P2P

เมื่อวานเข้าไปอ่านเรื่องของคนเขียนโปรแกรม Winny ซึ่งเป็นโปรแกรมส่งไฟล์แบบ P2P พัฒนาโดยคนญี่ปุ่น แล้วเมื่อประมาณปลายปีที่แล้ว มีคนญี่ปุ่นสองคนโดนตำรวจจับข้อหาละเมิดลิขสิทธิ์เนื่องจากนำไฟล์หนังมาเผยแพร่ คนพัฒนาโปรแกรมก็โดนตำรวจจับไปด้วย เนื่องจากถือว่ามีส่วนช่วยละเมิดลิขสิทธิ์ ตอนนี้คดีอยู่ในชั้นศาล ทีนี้มีคนเห็นว่าคนพัฒนาโปรแกรมไม่น่าจะผิด เพราะไม่ได้ส่งเสริมให้ใครละเมิดลิขสิทธิ์ ในโปรแกรมและคู่มือการใช้ ก็มีคำเตือนไว้แล้ว เลยมีการขอบริจาคเงินเพื่อช่วยคนพัฒนาโปรแกรมสู้คดี เห็นว่าได้เงินประมาณ 15 ล้านเยน ตอนนี้ได้ประกันตัวมาแล้ว แต่ไม่รู้คดีจะเป็นยังไง ส่วนอีกสองคนที่โดนจับตอนแรก สืบพยานไปได้ 4 ครั้งแล้ว มีคนไปฟังแล้วเอาให้อ่านด้วย ที่นี่

วันนี้อ่านข่าวเจอเรื่องคล้ายๆ กัน จาก MYCOM PC WEB มีข่าวเกี่ยวกับคดีที่อเมริกา เห็นว่าศาลตัดสินว่าคนพัฒนาโปรแกรมไม่ผิด

19 August 2004

ข่าวเลือกตั้ง

เมื่อเช้าดูข่าวจากรายการทางช่อง 8 มีข่าวเกี่ยวกับปัญหาการเลือกตั้งกำนันในจังหวัดชิบะ มีคนลงสมัครสองคน ผู้ที่ได้รับเลือกเป็นกำนันได้คะแนนมากกว่าแค่ 1 คะแนน คนแพ้ไม่ยอมก็เลยขอให้กรรมการพิจารณาบัตรเสียใหม่ เพราะคิดว่าอาจจะมีดูไม่ดี กรรมการเลยนับใหม่ ปรากฏว่าคนแพ้ได้เพิ่มมา 10 เสียง ส่วนคนชนะได้เพิ่มมา 11 เสียง กลายเป็นว่าต่างกัน 2 คะแนน แพ้อยู่ดี คนแพ้ยังไม่ยอมอีก เห็นว่าจะไปฟ้องศาลขอให้พิจารณาเรื่องบัตรเสียใหม่

เหตุที่สนใจแต่บัตรเสีย เพราะว่าเวลาญี่ปุ่นลงคะแนนเขาไม่ได้ทำเครื่องหมายในช่องแบบคนไทย แต่ใช้วิธีให้เขียนชื่อคนที่จะเลือกลงไป ที่นี้ก็จะมีคนเขียนผิดบ้าง ซึ่งตอนแรกกรรมการก็จะตัดออก แต่พอถูกร้อง กรรมการก็เลยยึดคำพิพากษาของศาลเมื่อหลายปีก่อนเป็นหลัก คือ แม้ว่าจะเขียนผิด แต่ถ้าแสดงเจตนาได้ว่าจะเลือกใคร ก็ให้ถือว่าเป็นบัตรดี เลยทำให้มีบัตรหลายใบ ที่ถือเป็นบัตรดี ประเภทใช้คันจิผิดตัวบ้าง เขียนหวัดเกินไปบ้าง ก็อนุโลมให้ และเพื่อความโปร่งใส กรรมการก็เลยเอารูปบัตรเสีย ที่พิจารณาใหม่ว่าเป็นบัตรดีมาแจกจ่ายให้ดูกันชัดๆ แต่ในนั้นยังมีอยู่กลุ่มหนึ่งที่กรรมการพิจารณาว่าเป็นบัตรดี แต่เขียนแปลกๆ คือ เขียนนามสกุลคนหนึ่ง แต่เขียนชื่อก็อีกคนหนึ่ง เอามารวมกัน ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะชื่อสองคนคล้ายกันมากระหว่าง นะโอชิ กับ ซะโตชิ อาจจะจำกลับกัน กรรมการเลยอนุโลมว่ายึดนามสกุลเป็นหลักตามแบบญี่ปุ่น แล้วบัตรในกลุ่มนี้ ดันเป็นของคนชนะ 9 ใบ ของคนแพ้ 2 ใบ เรื่องเลยไม่จบ เพราะคนแพ้บอกว่าคนที่เรียกเขาด้วยชื่อก็มีเยอะนะ เลยไปฟ้องศาลให้พิจารณาใหม่ นักข่าวไปถามชาวบ้านแถวนั้น ปรากฏว่าส่วนใหญ่รู้จักแต่นามสกุล มีเรียกชื่อบ้างเหมือนกันไม่กี่คน ประเภทเคยเรียนประถมรุ่นเดียวกัน ไม่รู้ผลจะออกมาเป็นยังไง แต่ฟังข่าวแล้วฮาดี ส่วนคนในรายการก็บอกว่าต่อไปน่าจะออกกฎเกณฑ์สำหรับพิจารณาให้แน่นอนกว่านี้ แล้วบอกไปก่อนเลยว่าต่อไปนี้ถ้าเจอแบบนี้จะเอายังไง จะได้ไม่มีปัญหา แต่ฟังแล้วทำไมเขาไม่ให้กากบาทเลือกเอานะ พิจารณาง่าย ถึงแม้ว่าอาจจะมีแบบกาผิดช่องบ้าง ก็ถือว่ายกประโยชน์ไป ก็ดีเหมือนกันนะไม่ต้องมาทะเลาะกันอย่างนี้ให้เสียเวลา จริงๆ แล้วบัตร 11 ใบนั้นอาจจะมีคนจงใจแกล้งเขียนอย่างนั้นก็ได้

18 August 2004

วันหยุด

ตอนนี้ปิดเทอมหน้าร้อน ได้วันหยุดเพิ่มให้สามวันนอกเหนือจากวันหยุดประจำปี เลยว่าจะกลับเมืองไทยล่ะกัน เพราะถ้าไม่ใช้ภายในสิ้นเดือนกันยา สามวันนี้จะหายไป ใช้ไม่ได้อีกแล้ว เป็นคนทำงานนี่ก็ลำบากเนอะ ไม่เหมือนตอนเป็นนักเรียนหยุดได้ยาวๆ ไม่ต้องคิดอะไร ที่นี้พอไปทำเรื่องลา มีหลายคนทักมาว่าลองดูให้ดีๆ นะ ว่าเขาคิดวันหยุดแบบราชการไทยหรือเปล่า คือถ้าลาคร่อมวันหยุดหรือวันเสาร์อาทิตย์จะนับวันหยุดนั้นเป็นวันลาด้วย เลยไปถามคุณเลขาเพื่อให้แน่ใจ ตอนแรกก็กะว่าจะให้คุณเลขาช่วยไปถามต่อให้หน่อย เพราะราชการญี่ปุ่นก็ไม่ต่างจากราชการไทย ระเบียบหยุมหยิมยุ่งยากจนน่าเบื่อ ปรากฏว่าคุณเลขาทำหน้างงๆ กับคำถาม แล้วตอบทันทีเลยว่าระบบอย่างนั้นไม่มีแน่ๆ เกิดมาไม่เคยได้ยินมาก่อน แกให้เหตุผลว่าก็วันหยุดเดิมเป็นสิทธิของเราอยู่แล้ว วันลาก็เป็นสิทธิของเราที่จะลา (ถ้าไม่เกินที่กำหนดไว้) เพราะฉะนั้นจะมานับซ้ำซ้อนกันไม่ได้ เพราะเหมือนมาตัดสิทธิเดิมของเรา คิดอีกทีก็จริงอะเนอะ แต่ถ้าคิดถึงระบบเมืองไทย คนออกระเบียบคงจะกลัวว่าเจ้าหน้าที่หรือข้าราชการจะหนีไปเที่ยวกันยาวๆ ส่งผลกระทบต่องานมั้ง เลยออกกฎมากันไว้ก่อน จะได้ลากันยาวๆ ไม่ได้ ก็มีเหตุผลอะนะ แต่ยังไงก็ชอบแบบแรกอะ เพราะได้หยุดเยอะดี บังเอิญช่วงที่จะลามีวันหยุดราชการเพิ่มมาสองวันด้วย ลาสามวัน ได้วันหยุดต่อกันเก้าวันเลย หุๆๆๆ แต่ถึงจะหยุดยาวๆ ใช่ว่าจะหายไปเลยนี่นา ก็ต้องคอยตอบเมลเกี่ยวกับงานอยู่ดีแหละ มีสิทธิแล้วก็ขอใช้หน่อยเถอะครับ

ข้อมูลรั่วไหล

ได้ยินข่าวข้อมูลส่วนตัวของลูกค้ารั่วมาหลายข่าวตั้งแต่ Softbank BB แล้ว แต่ไม่ค่อยได้ติดตาม เพราะว่าค่อนข้างไกลตัว วันนี้เจอข่าวใหม่ ใกล้ตัวมากขึ้นเพราะรั่วจากบริษัทบัตรเครดิตที่เป็นสมาชิกอยู่ เห็นว่ารั่วไปประมาณ 480,000 กว่าคน ตามข่าวดูเหมือนเราจะไม่เกี่ยว แต่จะแน่ใจได้ยังไงเนี้ย จริงๆ รั่วไปแล้ว แต่บริษัทยังไม่รู้ก็ได้ ส่วนสาเหตุการรั่วนั่น ดูเหมือนจะมาจากคนใน เฮ้อ...อย่างนี้ถึงจะสร้างระบบแข็งแกร่งเท่าไหร่ก็คงกันยากอะนะ

ยุคนี้กลายเป็นยุคที่ข้อมูลมีค่ามหาศาลไปแล้วล่ะเนอะ ยิ่งพวกข้อมูลส่วนตัวด้วย พวกบริษัทขายของทั้งหลายคงอยากได้ เพราะต้องการส่งจดหมายมาโฆษณา หรือทำการตลาดต่างๆ ซึ่งญี่ปุ่นมีแปลกๆ เยอะ แต่อยากรู้จริงๆ ว่าทำอย่างนั้น ได้ประโยชน์จริงหรือ สำหรับตัวเองแล้ว ทุกวันนี้ก็มีใบปลิวต่างๆ มาใส่ตู้จดหมายไว้เสมอจนเต็มตู้ แต่ก็โยนทิ้งตลอด ไม่เคยเหลือบดูเลย แล้วอย่างเซลล์ที่มาขายของตามบ้านเนี้ย เคยดูในรายการทีวีว่า เขาจะทำเครื่องหมายเล็กๆ ไว้ที่ประตูบ้านด้วย ประเภทว่าบ้านนี้เคยซื้อของกับเขา เพื่อบอกเพื่อนร่วมอาชีพ แล้วบ้านนั้นก็จะโดนเรียกซื้อของตลอด รวมทั้งอาจจะถูกหลอกด้วย เดี๋ยวนี้เลยต้องพยายามสำรวจประตูบ้านว่ามีเครื่องหมายอะไรแปลกๆ หรือเปล่า ถ้ามีจะแกะออก หรือลบออกเสมอ ไม่นานมานี้ก็เพิ่งแกะสติกเกอร์เล็กๆ ออกไปสองอัน แล้วก็จะไม่ขานรับเวลามีคนมาเรียก แม้ว่าจะอยู่บ้าน เพราะขี้เกียจคุย ขี้เกียจปฏิเสธ แล้วส่วนใหญ่จะรู้ก่อนอยู่แล้วว่าใครจะมาบ้าน บางทีเขาคงจะรู้ล่ะมั้งว่าอยู่บ้าน เลยพยายามกดกริ่ง แล้วก็เคาะประตูเรียกอยู่สองสามที บางทีก็รู้สึกสงสารคนทำอาชีพนี้เหมือนกันนะ เพราะมีคนไม่ดีมาแฝงอยู่ ทำให้คนส่วนใหญ่คิดว่าเป็นอาชีพที่ไม่ดีไปซะหมด แต่จะให้เปิดประตูไปคุยกับเขา ก็คิดว่ายังไงก็ไม่ซื้อหรอก ทำอย่างนี้ดีกว่าเขาจะได้ไม่ต้องมาหวังว่าจะขายเราได้ แล้วไปหาบ้านอื่นที่สนใจจริงๆ ดีกว่า นอกจากนี้ตามความคิดส่วนตัวแล้ว ถ้าจะซื้อสินค้าอะไรซักอย่าง เราจะต้องไปแสวงหาความรู้ หาข้อดี ข้อเสียเองก่อน แล้วจะตัดสินใจซื้อเอง ไม่ต้องมาอธิบายอะไรหรอก ยุคนี้แล้วหาความรู้เองได้

17 August 2004

MS Office

วันนี้่คุณเลขาประจำแล็บมาขอให้ไปช่วยแก้ปัญหาให้หน่อย เรื่องของเรื่องคือเวลาแกเปิดไฟล์ของ MS Word หรือ Excel บางไฟล์ แล้วมักจะมีข้อความขึ้นมาเตือนทำให้ต้องคอยคลิก ok วันละหลายๆ ครั้ง พอไปลองดูแล้วปัญหาแรกเกิดจากโปรแกรมพยายามจะรันมาโคร PDFMaker ที่มา Acrobat แต่เนื่องจากตั้งระดับความปลอดภัยไว้สูง ก็เลยขึ้นมาเตือนทุกครั้ง จากการสอบถามดูเหมือนว่าจะไม่เคยใช้ PDFMaker เลย วิธีจัดการที่ง่ายก็คือ เอาออก เป็นอันจบ ปัญหาที่สองดูเหมือนจะคล้ายๆ กัน เพียงแต่ว่ามันไม่ขึ้นมาว่าจะรันมาโครอะไร แถมเป็นกับไฟล์ข้อมูล Excel เพียงไฟล์เดียวด้วย จะลบทิ้งก็ไม่ได้ เพราะมันไม่ยอมแสดงให้เห็น (สังหรณ์ในใจว่าติดไวรัสหรือเปล่าเนี้ย) พยายามทุกวิถีทางที่จะลบมาโครที่มันขึ้นมาบ่น แต่ก็ไม่เห็นมีตรงไหนยอมให้ลบเลย บอกว่าไม่มี สุดท้ายแก้ไม่ถูก เลยคิดจะเลิกใช้ไฟล์นี้หาทางเอาข้อมูลไปไว้ไฟล์ใหม่ มาโครไม่น่าจะตามไปด้วย เลยลองไปเลือกไฟล์แบบต่างๆ ดู ปรากฏว่าอาทิตย์ก่อนคุณเลขาเพิ่งเปลี่ยนมาใช้ MS Office 2003 เลยมีให้เก็บเป็น XML ตอนสั่งเก็บมีขึ้นมาบ่นนิดหน่อยว่ามาโครจะหายนะ เออ..นั่นแหละที่ต้องการ เก็บเสร็จเปิดมาใหม่ หน้าตายังเหมือนเดิมแฮะ แล้วก็ไม่มีมาโครมารบกวนใจ สูตรต่างๆ ที่ใช้ก็ยังเหมือนเดิม เป็นอันว่าใช้ไฟล์ใหม่เลยล่ะกัน ของเก่าทิ้งไปเลย เป็นอันจบ ปิดคดีได้

ทำเสร็จมานั่งนึกๆ ดู ต่อไปน่าจะบอกให้คุณเลขาใช้ XML ไปตลอดเลยก็น่าจะดี มีปัญหาอะไรก็เข้าไปแก้ในไฟล์ได้ ไม่ต้องเป็นอย่างตอนแรกที่แก้อะไรก็ไม่ได้ เพราะเป็นไฟล์ที่ไม่เปิดเผยรูปแบบ นี่แหละหนา ถึงได้ไม่ค่อยชอบโปรแกรมต่างๆ ของไมโครซอฟท์ แล้วก็ดิ้นรนมาใช้ลินุกซ์ ใช้แมค เพราะชอบทำอะไรลึกลับซับซ้อน ปกปิดไปซะหมด ถ้าไม่มีปัญหาอะไรก็โอเคแหละ แต่พอมีปัญหาขึ้นมาทีแก้อะไรไม่ได้เลย ทำอะไรแบบเปิดๆ ให้แก้ไขเองได้ดีกว่า ผู้ใช้ทั่วๆ ไป อย่างคุณเลขาแกคงไม่เข้าไปยุ่งกับไฟล์นั้นเองหรอก ส่วนสาเหตุของไฟล์เก่านั้นเกิดจากอะไรตอนนี้ก็ยังไม่ได้สืบต่อ แต่โอกาสเจอไวรัสก็น่าจะสูงเหมือนกัน แต่ตั้งระดับความปลอดภัยไว้สูงแล้ว ไม่น่าจะมีปัญหา เพราะคิดว่ายังไม่เคยได้รัน ได้แต่บ่น

โปรแกรมที่อาจเปลี่ยนไปเมื่อใช้ Windows XP SP2

Service Pack 2 ของ Windows XP รุ่นภาษาอังกฤษกับเยอรมันจะคลอดออกมาหลายวันแล้ว แต่เนื่องจากใช้รุ่นภาษาญี่ปุ่นอยู่ แถมความเป็นผู้ใช้ Windows ก็ลดลงเรื่อยๆ คือใช้เฉพาะเปิดไฟล์ MS Office อย่างเดียว เลยยังไม่ได้แต่ต้อง SP2 แต่อย่างใด วันนี้ได้ข่าวจาก osnews.com ว่า Microsoft ออกบทความเกี่ยวกับโปรแกรมที่อาจจะทำงานแตกต่างจากเดิมหลังจากติดตั้ง SP2 แล้ว ลองดูแล้วยาวเป็นหางว่าวเลย รวมทั้งโปรแกรมของ Microsoft เองด้วยทั้ง MS Office หรือ Visual Studio เจออย่างนี้ถึงรุ่นภาษาญี่ปุ่นออกมาก็รอไปก่อนดีกว่า ถึงแม้ว่า SP2 จะทำให้ปลอดภัยมาขึ้น แต่ถ้ามีปัญหาอย่างนี้ก็ไม่ไหวล่ะ แล้วตอนนี้ที่แล็บใช้ Firewall อยู่แล้ว พวก packet ประหลาดๆ ก็โดนกันหมดแล้ว น่าจะยังโอเคมั้ง รอไว้ให้เขาจัดการกันให้เสร็จก่อน แล้วค่อยลอง SP2 ดีกว่า

13 August 2004

เปลี่ยนชีวิตให้เป็นการ์ตูน

เพิ่งอ่านเจอใน /. เกี่ยวกับการเปลี่ยนภาพถ่ายให้เป็นภาพการ์ตูน ซึ่งเคยได้เห็นงานวิจัย มาสองสามปีแล้ว แต่วันนี้มีข่าวผลการวิจัยจาก Microsoft Research ว่าเขากำลัง ทำระบบที่สามารถเปลี่ยนวิดีโอเป็นการ์ตูนที่เคลื่อนไหวได้ โดยใช้หลักการเดิม คือเอาแต่ละเฟรมมาแปลงเป็นภาพการ์ตูน แต่ทำทันทีคงไม่ได้ เพราะภาพที่ได้คงจะไม่ต่อเนื่องกัน การแปลงรูปแต่ละครั้งคงจะได้ผลออกมาไม่เหมือนกันทีเดียว ตอนแรกก็เลยต้องอาศัยแรงงานคนเพื่อกำหนด บริเวณต่างๆ ซึ่งใช้เวลานานมาก เพราะต้องทำทุกเฟรม พอมาถึงงานวิจัยนี้ระบบจะวิเคราะห์เพื่อหาจุดในแต่ละเฟรมที่ถือว่าจุดในบริเวณเดียวกัน จะได้ใช้สีที่ใกล้เคียงกัน ทำให้ผลที่ได้ดูเนียนมากขั้น แต่ก็ยังต้องอาศัยแรงงานคนในการกำหนดบริเวณในเฟรมหลักๆ เพื่อให้ระบบทำงานได้ดี เขาไม่ได้พูดถึงอัลกอริทึมที่ใช้ แต่คิดว่าน่าจะใช้พวก clustering หรือ classification มาช่วยจัดจุดในเฟรมย่อย ให้อยู่ในกลุ่มเดียวกับบริเวณที่กำหนดในเฟรมหลัก อยากรู้จังว่าระบบจะแยกได้ด้วยหรือเปล่าว่าเฟรมย่อยไหนแตกต่างออกไป จนถือเป็นเฟรมหลักได้แล้ว ไม่รู้มีตีพิมพ์ผลการวิจัยไว้ที่ไหนหรือเปล่า อยากอ่านรายละเอียดจัง ว่าแต่เขามีผลที่ได้มาให้ดูด้วยแหละ แต่เข้าไม่ได้สงสัยโดนคน /. รุมอยู่แน่เลย ไว้ค่อยดูวันหลังล่ะกัน

12 August 2004

FreeCIV

หลังจากวันก่อนนั่งรำลึกถึง Civilization ทำให้เกิดความอยากเล่น แต่ก็จนใจเพราะไม่มีซีดี ไม่รู้จะเอาจากไหน (ไม่อยากซื้อ) เลยไปเอา FreeCIV มาลองเล่นบน Gentoo ที่บ้าน (emerge ได้เลย) เขาแยกโปรแกรมออกจากกันระหว่าง client กับ server ถึงแม้ว่าเราจะเล่นคนเดียว ก็ต้องเปิด server แล้วต่อเข้าไป จากนั้นค่อยกำหนดให้สร้าง AI ขึ้นมาแข่งกัน client หน้าตาสวยงามดี เขียนด้วย gtk2 ลองเล่นได้นิดหน่อย ชักเริ่มติดแล้ว

FreeCIV นี่รู้สึกว่าใกล้เคียงกับ CIV2 มากที่สุด เหมือนไปทุกๆ อย่าง ตั้งแต่ความรู้ต่างๆ หน่วยรบ รวมถึงวิธีการเล่น ทำให้หวนรำลึกถึงความหลังได้ดี ตอนนี้เริ่มอยากลองเล่นหลายๆ คนดู แต่จะหาใครมาเล่นด้วยได้บ้างเนี้ย ที่จริงก็เล่นบนวินโดว์ได้นะ แต่ต้องเอา gtk+ มาลงก่อน ดูท่าทางยุ่งยาก สงสัยหาคนเล่นด้วยยาก

BSD แบบต่างๆ

เจอข่าวใน osnews.com ว่ามีบทความเปรียบเทียบ BSD แบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น FreeBSD, NetBSD, OpenBSD, ... ยังไม่ได้อ่านหรอกเก็บไว้ก่อน

10 August 2004

Civilization 4

วันนี้เกิดนึกถึงเกม Civilization ซึ่งเคยเล่นมาตั้งแต่เวอร์ชันแรก แบบที่ยังเป็นสองมิติ จนถึงเวอร์ชันปัจจุบัน ซึ่งก็คือ Civilization III ทำให้อยากรู้ว่าเขาทำเวอร์ชันใหม่กว่านั้น ออกมาขายหรือยัง เพราะเวอร์ชัน 3 ก็ออกมาสักสองสามปีได้แล้ว วันนี้ลองไปค้นเน็ตดู ปรากฏว่ายังไม่มี แล้วก็เจอเว็บของแฟนเกม มีคนมาเล่าว่า Soren Johnson ซึ่งเป็น Project Leader ของ CIV รุ่นต่อไป ไปพรีเซนท์ที่ Game Developers Conference เมื่อไม่นานมานี้ เขาพูดถึงสิ่งที่จะเกิดใน Civilization 4 ไว้นิดหน่อย เช่น จะเขียนสร้างเกมใหม่ทั้งหมด ซึ่งน่าจะทำให้สามารถเล่นได้หลายคน และทำให้สามารถสร้างโมดูลเพิ่มเติมได้ง่าย นอกจากนี้เขายังบอกว่า จะคำนึงถึงความต้องการของแฟนๆ เกมทั้งหลาย ฟังแล้วน่าสนใจดีแฮะ แต่คงอีกเป็นปีแน่เลย กว่าจะออกมาให้เล่นกัน คิดแล้วอยากเล่น Civilization 3 อะ จะไปหาได้ที่ไหนเนี้ย... ไว้เอา freeciv มาลองไปพลางๆ ล่ะกัน

09 August 2004

คุณชารท์แบตมือถือบ่อยแค่ไหน

เจอข่าวจาก itmedia.co.jp เกี่ยวกับการสำรวจการใช้งานโทรศัพท์มือถือเกี่ยวกับการชาร์ทแบต พบว่าคนใช้มือถือ เกือบ 80% เคยมีปัญหากับแบต และ 18% รู้สึกว่าทำให้เกิดความเครียด นอกจากนี้ยังพบว่าคนส่วนใหญ่ (45%) จะชารต์แบตทุกวัน และถ้าไม่มีข้อจำกัดเรื่องแบต ก็คงจะสามารถใช้อินเตอร์เน็ต เล่นเกม และดูทีวีได้มากขึ้น

อ่านแล้วน่าสนใจดี เพราะช่วงนี้บริษัทมือถือมีบริการประเภทจ่ายราคาเดียว แต่ใช้อินเตอร์เน็ตได้ไม่จำกัด แถมความเร็วก็สูงขึ้น ทำให้คนเข้าเน็ตไปใช้งานเยอะขึ้น เลยน่าจะมีส่วนทำให้คนเริ่มรู้สึกถึงข้อจำกัดของแบตเตอรี่ โดยส่วนตัวแล้ว ตอนก่อนขอบใช้มือถือส่งเมลเหมือนกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาอยู่บนรถไฟ เพราะช่วยฆ่าเวลาได้ดี แถมยังถูกด้วย เมลละบาทเดียวเอง แต่พอย้ายมาอยู่บ้านนอก ขี่จักรยานไปทำงาน มือถือกลับไปทำหน้าที่เดิม คือเอาไว้คุยอย่างเดียว เพราะไม่รู้จะกดเมลตอนไหน ที่จริงตอนนี้ถ้าไม่มีมือถือก็คงไม่รู้อะไรล่ะ เพราะไม่ค่อยได้ใช้อะ แต่ยังใช้มือถืออยู่เพราะมันถูกกว่าติดโทรศัพท์บ้าน

Tor

Tor นี่ไม่ใช่ชื่อเล่นของใคร แต่เป็นระบบที่ทำให้เราสามารถท่องเว็บได้โดยไม่มีใครรู้ว่าเราเป็นใคร ตอนนี้กำลังมีข่าวแนะนำอยู่ที่ slashdot.jp (เห็นว่ามีที่ /. ด้วย) ลองอ่านคร่าวๆ แล้ว เขาใช้วิธีส่ง tcp stream ไปๆ มาๆ ระหว่าง router หลายๆ ตัว ทำให้ตามจับยากว่ามาจากไหนกันแน่ อืม เอาไว้ว่างๆ ลองเล่นบ้างดีกว่า เห็นเขาคุยกันว่าไม่ข้าเท่าไหร่ ถึงต่อ irc ทิ้งไว้ทั้งวัน ก็ไม่หลุด จะว่าไปแล้วแค่ใช้พวก anonymous proxy นี่ก็ปกปิดตัวตนได้พอสมควรแล้วนะ แต่อันนี้ท่าทางจะตามยากกว่าเดิมแฮะ

08 August 2004

Groovy

วันนี้ไปอ่าน osnews.com กับ slashdot.jp แล้วพบเรื่องที่เหมือนกันโดยบังเอิญ คือ slashdot.jp พูดกันถึงงาน Lightweight Language Weekend ซึ่งเป็นงานสัมมนา เกี่ยวกับภาษาสคริปต์ต่างๆ ซึ่งถือว่าเป็นภาษาน้ำหนักเบา เช่น Perl, Python, Ruby ตามโปรแกรมมีพรีเซนท์ถึงข่าวคราว ความคืบหน้าต่างๆ มี pdf ของแต่ละภาษาให้อ่านด้วย และหนึ่งในนั้นก็คือภาษา Groovy ซึ่ง osnews.com ก็มีกำลังข่าวถึง

ก่อนที่จะอ่านรายละเอียด ลองดูตัวอย่างโค้ดแล้วรู้สึกว่าคล้าย Ruby มาก ทำให้เกิดความคิดแว่บขึ้นมาว่า ถ้าเหมือนอย่างนี้จะสร้างภาษาใหม่มาอีกทำไม แต่พอลองอ่านรายละเอียดดู ก็พบว่า Groovy มีเป้าหมายคือเป็นภาษาสคริปต์ที่รันจาก JVM คือ สร้างภาษาที่มีโครงสร้าง หรือไวยากรณ์ต่างๆ คล้ายกับ Python หรือ Ruby ซึ่งเรียนรู้ได้ง่าย และหยืดหยุ่นกว่า แต่ทำงานผ่าน JVM ทำให้สามารถเชื่อมต่อกับ Java ได้อย่างดี สามารถใช้คลาสไลบรารี่ของ Java ได้ทันที เหมาะกับพัฒนาโปรแกรมเล็กๆ ตอนนี้ Groovy ยังอยู่ในระหว่างการพัฒนา (เวอร์ชัน 1 ยังไม่ออกเลย) แต่ในอนาคตดูเหมือนว่าอาจจะรวมกับ J2SE เห็นเขาคาดว่าประมาณเวอร์ชัน 6.0 หรือ 7.0 ตอนนี้เพิ่งเสนอเป็น JSR 241

05 August 2004

ครุฑ

วันนี้จะเข้าไปหาข้อมูลที่ wikipedia.org พอไปถึงหน้าแรก เห็นมีรูปครุฑอยู่ เลยลองแวะดูซะหน่อย ปรากฎว่ามีคนไปเขียนเรื่องบั้งไฟพญานาคไว้ เขาเลยเอารูปครุฑซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของประเทศ มาขึ้นหน้าแรก เรื่องบั้งไฟยังไม่ได้อ่านหรอก แต่ตามไปอ่านเรื่องครุฑในหัวข้อ Garuda ก่อน อ่านแล้วทำให้รู้ว่าญี่ปุ่นก็รู้จักครุฑ แต่เรียกว่า Karura ลองเอาไปหาในกูเกิ้ลดู เจอเว็บหนึ่งเลยได้รู้ว่าเขียนเป็นคันจิว่า 迦楼羅 (かるら) แถมเขายังบอกไว้ด้วยว่า คำนี้ในภาษาสันสกฤต เรียกว่า Garuda เลยทำให้รู้จักคำว่า 梵語 (ぼんご) ที่แปลว่าภาษาสันสกฤต ซึ่งเป็นคำที่อยากรู้มานาน เพราะญี่ปุ่นนั้นได้รับพุทธศาสนาผ่านทางจีน คำสันสกฤตต่างๆ ก็เลยถูกเลียนเสียงแบบจีนบันทึกไว้ด้วยตัวอักษรจีน (ญี่ปุ่นเรียกคันจิ) พอมาถึงญี่ปุ่น แม้ว่าจะใช้ตัวอักษรเดิม แต่เสียงอ่านเปลี่ยนไปตามแบบญี่ปุ่น เลยทำให้เพี้ยนไปจากสันสกฤตมากขึ้นอีก แต่ที่จริงก็เพี้ยนไปแบบที่ยังพอเห็นเค้าเดิมได้ อย่างเช่น ก่อนหน้านี้เคยได้ยินคำว่า Posatsu (菩薩-ぽさつ) ซึ่งแปลว่าพระโพธิสัตว์

นับว่าเป็นความรู้ใหม่ที่น่าสนใจ ต่อไปเวลาเล่าเรื่องเกี่ยวกับเมืองไทยให้คนญี่ปุ่นฟัง จะได้พูดถึงภาษาสันสกฤตได้ตรงๆ ซะที ปกติจะพูดถึงโดยอธิบายว่าเป็นภาษาอินเดียโบราณ เรื่องต่อไปที่อยากรู้คือภาษาบาลีเรียกว่าอะไรในภาษาญี่ปุ่น เพราะจะว่าไปแล้ว ด้วยความรู้ภาษาบาลีตอนม.ต้น รู้สึกว่าระบบการออกเสียงภาษาญี่ปุ่นจะคล้ายภาษาบาลีมาก เช่นเสียง -n (ん) ที่เหมือนนิคหิต หรือการใช้ระบบตัวสะกดคล้าย ตัวสะกดตัวตามแบบภาษาบาลี อยากรู้จริงๆ ว่าเชื่อมโยงกันยังไง หรือว่าแค่เหมือนกันโดยบังเอิญ ถ้าใครรู้ช่วยบอกทีนะครับ

04 August 2004

องค์บาก (อีกรอบ)

วันนี้ไปดูผลการจัดอันดับช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา องค์บากยังคงรั้งตำแหน่งที่ 7 ไว้ได้เหมือนเดิม ส่วนอันดับหนึ่งถึงหก ยังคงเป็นกลุ่มเดิม แค่สลับตำแหน่งกัน ว่าแต่ตอนนี้กำลังเริ่มสนใจอันดับ 8 ว่ายังคงอยู่ยั้งยืนยงมาได้ถึงสัปดาห์ที่ 13 แล้ว ทั้งที่ตอนนี้ทีวีก็เอามาทำเป็นละครฉายอยู่ทุกวันศุกร์ ความฮิตก็ยังไม่ตกเลย แต่เรื่องนี้ดูละครแล้ว รู้สึกเศร้าเกินไป เลยไม่ดูต่อ หนังเรื่องนี้เป็นเรื่องราวความรักของหนุ่มสาวในช่วงม.ปลาย ที่จบลงด้วยความเศร้า เพราะผู้หญิงเป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวแบบเฉียบพลัน เวลาผ่านไปอีกสิบกว่าปี ผู้ชายก็ยังไม่สามารถลืมเรื่องราวในอดีต ไม่สามารถมีความรักให้กับผู้หญิงคนไหนได้อีก..... ต่อจากนี้เป็นยังไงก็ไม่รู้แล้วล่ะ แหะๆๆ ได้ดูละครไปแค่สองตอนเอง ว่าแต่ชอบเพลงประกอบหนังอะ ไว้ต้องไปหามาฟังซะหน่อยแล้ว

02 August 2004

pTeX กับ xdvi

มีปัญหากับ xdvik เวลาต้องการดูไฟล์ dvi ที่มีภาษาญี่ปุ่นมาพักใหญ่แล้ว แต่ด้วยความยุ่ง จึงไม่ได้สนใจจะหาสาเหตุ คือ ไม่ได้ก็ไม่ได้ ใช้ dvipdfmx แปลงเป็น pdf ทีเดียวเลยก็ได้ (วะ) วันนี้ว่างๆ เลยมานั่งหาสาเหตุ ว่าทำไมใช้ไม่ได้ หาไปหามา ก็ไปเจอว่าไฟล์ /usr/share/texmf/xdvi/vfontmap ระบุที่อยู่ของ truetype font ภาษาญี่ปุ่นไว้ที่ /usr/X11R6/lib/X11/fonts/truetype ซึ่งตอนนี้ไม่มีอยู่แล้ว เพราะเปลี่ยนไปไว้ที่ /usr/share/fonts ตามข้อกำหนดใหม่ของ x.org 6.7.0 แล้วเจ้าของ ebuild ของ xdvik ยังไม่ได้เปลี่ยนตาม เป็นอันว่าคดีคลี่คลาย แล้วก็เลยถือโอกาสเปลี่ยนไปใช้ฟอนต์ภาษาญี่ปุ่นใหม่ Sazanami ซะเลย ตอนนี้เหลีอแต่ไปแจ้งบักให้เจ้าของ ebuild รู้ซะหน่อย คราวหน้าจะได้ไม่ต้องยุ่งอย่างนี้อีก

29 July 2004

องค์บาก

องค์บากเข้ามาฉายในญี่ปุ่นได้เกีอบอาทิตย์หนึ่งแล้ว ที่นี่ตั้งชื่อหนังว่า มัค (Mach) ทีเป็นหน่วยวัดความเร็วเทียบกับความเร็วเสียงนั่นแหละ (อยากรู้เหตุผลเหมือนกัน แต่หาตามเน็ตแล้วไม่เห็นมีพูดถึงเลย) วันนี้ลองไปดูจัดอันดับหน่อยว่าความนิยมเป็นอย่างไรบ้าง ผลจาก yahoo.co.jp ซึ่งดูรายได้ในช่วงวันสุดสัปดาห์ที่แล้ว ปรากฏว่าได้อับดับเจ็ด ไม่เลวแฮะ เมื่อเทียบกับหนังฮอลลี่วู้ดดังๆ ทั้งหลายแหล่ ไม่ว่าจะเป็นแฮรี่ พอร์ตเตอร์, สไปเดอร์แมน2, เชร็ค2, คิงอาร์เธอร์ ซึ่งเข้าโรงมาในช่วงเดียวกัน รวมทั้งยังต้องแข่งกับการ์ตูนญี่ปุ่นอีก 2 เรื่อง คือ โปเกมอน กับสตรีมบอย (ตอนนี้กำลังพยายามหาข้อมูลรายได้อยู่) จะว่าไปแล้วองค์บากก็ไม่ใช่หนังไทยเรื่องแรกที่เข้ามาฉายที่ญี่ปุ่น สตรีเหล็กก็เคยสร้างความฮือฮามาแล้ว หรือตอนนี้ถ้าไปเดินตามร้านเช่าวีดีโอทั่วไป ก็จะหาสตรีเหล็ก หรือตลก69 เช่าได้ไม่ยากนัก

องค์บากเน้นจุดขายที่มวยไทย (ซึ่งคนญี่ปุ่นส่วนใหญ่มักจะรู้จัก) กับการแสดงจริงๆ ไม่ใช้คอมพิวเตอร์กราฟิก หรืออะไรมาช่วย กับเนื้อเรื่องที่เข้าใจได้ง่ายๆ ก็คงจะเรียกความสนใจได้ไม่น้อย แต่ฟังข่าวจากทางทีวีหลายๆ ช่องแล้ว รู้สึกแปลกๆ หน่อยตรงที่ ทำไมชื่อนักแสดงนำเปลี่ยนจาก พนม จา (ถ้าจำไม่ผิด) กลายเป็น โทนี่ จา ไปได้ สงสัยจะได้ชื่อนี้มาจากฮ่องกงแน่เลย

27 July 2004

Gentoo Linux 2004.2

ได้ข่าวจากทั้ง ltn และ slashdot.jp เรื่อง Gentoo Linux ออกเวอร์ชันใหม่ 2004.2 ใน  slashdot.jp มีคุยกันเยอะ แล้วก็มีคนเห็นเหมือนเราเยอะเหมือนกันแฮะ เพราะเรารู้สึกว่า Gentoo เป็นดิสตริบิวชันที่ใช้งานได้ดี ดูแลจัดการงาน ได้ดั่งใจ ทุกวันนี้ก็ใช้เป็นทั้ง server และ desktop ที่แล็บและที่บ้าน เรียกว่าใช้เกือบตลอดเวลาที่อยู่หน้าคอม ยกเว้นเวลาที่จะต้องทำเอกสาร ก็จะต้องไปใช้ Windows ตามที่บ่นไปแล้วใน blog ก่อน จะว่่า Gentoo ดีทั้งหมดก็คงจะไม่ได้ เพราะจุดอ่อนของ Gentoo ก็คือจะลงโปรแกรมใหม่ซักโปรแกรมหนึ่ง จะต้องคอมไพล์จากซอร์ส ทำให้ค่อนข้างเสียเวลา (ที่แล็บ ไม่ค่อยเท่าไหร่ เพราะใช้ distcc ช่วยได้เยอะ)

แต่จุดที่ทำให้ยังใช้ Gentoo ก็เพราะความสะดวกในการตั้งค่าต่างๆ นั่นแหละ ส่วนใหญ่จะเก็บรวมกันไว้ใน /etc/conf.d ทำให้หาง่าย แล้วก็แก้ไขได้เอง ผ่าน editor ธรรมดาๆ อย่าง vi ทำให้สะดวกมาก ที่จริงเคยพยายามจะกลับไปใช้ Fedora Core หรือไม่ก็ไปใช้ SuSE นะ แต่ลองแล้ว ก็ยังไม่ได้ดั่งใจ ความสะดวกสำหรับผู้ใช้ใหม่ ทำให้ Fedora Core พยายามสร้างระบบมาซ้อนเพื่อเก็บค่าต่างๆ แล้วก็ดูเหมือนพยายามจะซ่อนสิ่งเหล่านั้นเอาไว้ (เหมือนบางระบบ) ทำให้ลำบากสำหรับเรา ที่ไม่ชอบใช้อินเตอร์เฟสต่างๆ สำหรับตั้งค่า แต่ต้องการใช้ editor เขียนเอง เพราะรู้สึกว่าสบายใจมากกว่า ที่จริง SuSE ถึงจะใช้ yast แต่ก็พยายามไม่ทำระบบขึ้นมาซ้อน ไม่ซ่อนไฟล์ พยายามอ่านจะไฟล์ตั้งค่าเดิมๆ แต่เรารู้สึกว่า SuSE มันช้าไปหน่อย (เมื่อเทียบกับ Gentoo) ใช้ไปแล้วจะรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย ว่าทำไมเครื่องมันช้าไปกว่าเดิม แถม SuSE ยังไม่ยอมทำ Gnome ให้ใช้ด้วย (แหะๆๆ ก็ไม่ชอบใช้ KDE อะ) จะว่าไปแล้ว Debian ก็ได้ดั่งใจนะ ในเรื่องการตั้งค่าต่างๆ แต่ Debian มีจุดอ่อนเรื่อง package เก่าไปหน่อย แหะๆๆ เป็นพวกอยากใช้ของใหม่ ใช้ Debian แล้วมักจะไม่ทันใจวัยรุ่น (ตอนนี้ก็ยังรอ Progeny อยู่นะ อยากรู้ว่าจะเป็นยังไง แต่เห็นยังเป็น beta เลยรออีกซักพักล่ะกัน ไว้ว่างจะเอามาลอง)

24 July 2004

ลอตเตอรีช่วยน้ำท่วม

เมื่ออาทิตย์ที่แล้วเกิดน้ำท่วมใหญ่หลายจังหวัด ทั้งทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และแถวจังหวัดฟุคุอิ ทำให้เกิดความเสียหาย รวมทั้งมีคนเสียชีวิตด้วย ปีนี้อากาศของญี่ปุ่นด้วยเหมือนจะแปรปรวนมากกว่าทุกปี อากาศก็ร้อนจัด แถมยังมีน้ำท่วมแบบเฉียบพลันหลายจังหวัด เมื่อกี้เพิ่งดูข่าวว่ามีคนไม่ประสงค์ออกนามส่งลอตเตอรี่ซึ่งถูกรางวัลมูลค่า 200 ล้านเยน ไปบริจาคให้แก่ผู้ว่าราชการจังหวัดฟุคุอิ เพื่อช่วยเหลือผู้ที่ประสบอุทกภัย ผู้ว่าเลยออกมาแถลงข่าวขอบคุณ เพราะไม่รู้ว่าใครส่งมาให้ เลยไม่รู้จะขอบคุณยังไง

ดูข่าวแล้วนับถือคนที่ส่งลอตเตอรีไปจริงๆ อย่างเราคงทำไม่ได้อะ (แต่จริงๆ ก็ไม่รู้จะเอาโชคที่ไหนไปบริจาคด้วย เพราะไม่เคยซื้อเลย) ที่จริงเห็นข่าวแว่บๆ ตั้งแต่ตอนกลางวันแล้วล่ะ แต่ไม่ได้สนใจ เลยเห็นเป็นแค่ลุงคนหนี่ง เอารูปลอตเตอรีมาถือโชว์ไปมา เพิ่งได้ฟังละเอียดๆ เมื่อกี้นี้เอง

21 July 2004

รำพึงรำพัน

ผมจากสังคมไทยมาหลายปีจนกระทั่งทุกวันนี้รู้สึกว่าตัวเองไม่ค่อยรู้ความเป็นไปในเมืองไทยเท่าไหร่ คือ รู้แค่จากข่าวสารน่ะ แต่ไม่มีรู้เรื่องในสังคมการทำงานที่เมืองไทย อาจจะแค่ได้ฟังจะคนรอบๆ บ้างแค่นั้น แต่ไม่เคยได้สัมผัสจริงๆ เท่าไหร่นัก อย่างไรก็ดีผมมักจะได้ยินเสียงจากรุ่นพี่ที่กลับไปเมืองไทยว่า ดูเหมือนสังคมไทยจะคาดหวังกับคนที่จบปริญญาเอกไว้เยอะ ประมาณว่าน่าจะรู้ และเข้าใจอะไรทุกๆ อย่าง จริงๆ แล้วถึงแม้ผมจะจบมาแล้ว แต่ผมก็ไม่รู้อะไรเท่าไหร่หรอก ผมมีความรู้แค่จุดเล็กๆ นิดเดียวเท่านั้น แต่ผมมั่นใจว่าจุดเล็กๆ นี้ ผมรู้ดีที่สุดในโลก แต่อย่าคาดหวังว่าจุดเล็กๆ นี้มันจะมีประโยชน์ใหญ่หลวงต่อประเทศชาติหรือมนุษยชาติ ผมแค่เชื่อมั่นว่าถ้ามันได้รับการพัฒนา สักวันหนึ่งมันอาจจะมีประโยชน์มากกว่าที่เป็นอยู่ หรือท้ายที่สุดแล้วผมอาจจะรู้เพียงว่าจุดเล็กๆ นี้ไม่มีประโยชน์ไปกว่าที่เป็นอยู่ในทุกวันนี้ แต่ผมก็พร้อมที่จะวุ่นกับเจ้าจุดเล็กๆ นี้ต่อไป แต่สักวันหนึ่งผมอาจจะเลิกรักมัน แล้วหันไปหาจุดเล็กๆ จุดใหม่ก็ได้ ถ้าจุดใหม่นั้นน่าสนใจกว่า

20 July 2004

PiBench บน Opteron

หลังจากเลิกเห่อ blog ทำให้ไม่ได้เขียนตั้งนาน วันนี้เขียนซักหน่อยดีกว่า ดูในสถิติแล้ว มีคนเข้ามาอ่านวันละอย่างน้อย 3-4 คน มาจากไหนกันเนี้ย นอกจากเพื่อนไม่กี่คนแล้ว ไม่ค่อยได้โปรโมตเลย เพราะรู้สึกว่าเขียนเรื่อยเปื่อย ไม่ค่อยมีสาระเท่าไหร่ แต่ถ้าใครเข้ามาอ่านแล้ว ก็ส่งเสียงมาหน่อยนะครับ

วันนี้กลับมาแตะ opteron อีกครั้งหลังจากยุ่งๆ กับเรื่องเบ็ดเตล็ดในช่วงอาทิตย์ที่แล้ว จริงๆ ยังมีเปเปอร์ที่ต้องแก้ แต่ยังแก้ไม่เสร็จเลย แต่ขอเส่นซักหน่อยก่อนละกันนะ ลองเอา PiBench ของพี่ฮุ้ยมารันดู ได้

real    0m0.122s
user    0m0.121s
sys     0m0.000s

เทียบกับเครื่องอื่นๆ แล้วเร็วดีแฮะ ใกล้เคียง Cray เลย อย่างนี้โปรแกรมงานวิจัยเรา น่าจะเร็วขึ้นเยอะเหมือนกัน เอาไว้จัดการเปเปอร์เสร็จแล้ว คงจะได้ฤกษ์ทำผลการทดลองใหม่

12 July 2004

MS Office

หลังจากบ่นไปในโพสท์ที่แล้ว วันก่อนนั่งคุยกับอาจารย์เรื่อง MS Office เลยขอมาบ่นต่อ คุยกับอาจารย์ว่าทำไมพวกธุรการของสถาบัน เขาถึงบังคับให้ใช้จังเลย ประมาณว่าเวลากรอกเอกสารต่างๆ ก็ให้ใช้ MS Word หรือไม่ก็ Excel ทั้งๆ ที่มันไม่จำเป็น แค่ Text file ก็พอแล้ว คุยกับแกแล้ว อาจารย์แกก็คิดเหมือนกัน ของแกยิ่งมีเมลมาเยอะมาก การส่งไฟล์ Word มา เหมือนเป็นการเพิ่มงานให้แก เพราะต้องคลิกเปิดต่างหากแทนที่จะดูได้ทันทีในเมลเลย เสียเวลาโดยใช่เหตุ นอกจากนี้ยังได้ข้อมูลว่า มีอาจารย์บางคนเคยใช้ Ichitarou ซึ่งเป็นโปรแกรม Word Processor ของญี่ปุ่น ที่อ่านไฟล์ MS Word ได้ และมีพรีวิวให้ ทำให้สะดวกในการอ่านเมล พอตอบเมลไป ปรากฏว่ารูปแบบเปลี่ยนไป ไม่เหมือนเดิม เลยโดนธุรการโวยวาย สุดท้ายก็ต้องกลับมาใช้ MS Word เหมือนเดิม

เฮ้อ....สุดท้ายเป็นเพราะความสะดวกของผู้ใช้บางคน (เพราะอาจารย์บอกว่าธุรการเขาไม่คิดจะเปลี่ยน ไปใช้โปรแกรมอย่างอื่น เพราะใช้ไม่เป็น) ทำให้คนส่วนใหญ่ต้องลำบาก จะมีวิธีการที่สามารถรอมชอมทั้งสองฝ่ายไหมเนี้ย จะว่าไปแล้ว ไม่ใช่เฉพาะธุรการของสถาบันหรอก ดูเหมือนจะเป็นกันทั้งมหาวิทยาลัยเลย ส่วนโครงการซื้อ Powerbook ตอนนี้ขอดูๆ ไปก่อน อยากได้นะ แต่ก็รู้สึกเสียดายน้อง Linux อยู่ด้วยล่ะ

Banff

อาทิตย์นี้หนีร้อนจากโอซาก้า มาพึ่งเย็นที่แคนาดา (ที่จริงไม่ได้มาเที่ยวหรอก มาแสดงผลงานแหละ ไม่งั้นคงลางานเป็นอาทิตย์ไม่ได้) งานประชุมนี้จัดที่เมือง Banff เมืองท่องเที่ยวที่อยู่ในรัฐ Alberta เมืองนี้เป็นที่ราบเล็กๆ อยู่ท่ามกลางเทือกเขาร็อคกี้ เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำหรับคนที่ต้องการเดินเขาหรือล่องทะเลสาบชมธรรมชาติ หรือถ้าเป็นช่วงฤดูหนาวก็เหมาะสำหรับเล่นสกี เมืองนี้สมเป็นเมืองท่องเที่ยวจริงๆ เพราะมีแต่ร้านขายของที่ระลึกกับร้านอาหาร แล้วก็โรงแรม หาร้านขายของชำยากมาก ดูแล้วก็เหมาะกับการจัดประชุมวิชาการเหมือนกัน แต่หนีเที่ยวใกล้ๆ ไม่ค่อยได้ เนื่องจากไม่มีที่เที่ยวใกล้ๆ (เหมือนจัดงานในเมือง) ถ้าจะหนีเที่ยวก็ต้องหนีกันทั้งวันเลย วันแรกของงานคนก็ยังเยอะดีหรอก แบบว่ารอคิวตักอาหารตอนกินข้าว ไม่ถึงคิวเราซักที พอวันที่สองนี่คนว่างมากๆ พรุ่งนี้วันที่สามที่เราต้องพูด ไม่รู้จะเหลือสักกี่คน เพราะเราโดนให้พูดช่วงสุดท้ายของงานเลย สงสัยจะกลับกันแล้ว หรือไม่ก็หนีเที่ยวหมดแล้วมั้ง (แต่ก็ดี ฮิๆ จะได้ไม่ต้องโดนถามมาก แต่สุดท้ายก็คงโดนอยู่ดีแหละ เพราะหลังจากพรีเซนท์ตอนกลางวันแล้ว เขาจะจัดสถานที่ให้ทุกคน ทำโปสเตอร์มาติดรอให้คนที่สนใจมาคุยด้วย เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น แต่โดนถามตอนนี้คงไม่เท่าไหร่ เพราะยืนคุยตัวต่อตัวไม่ค่อยตื่นเต้นมาก) งานนี้ไม่คนไทยเลยนอกจากเรากับพี่ป๊อบ ที่หลงมาจากโอซาก้าสองคน นอกนั้นเต็มไปด้วยฝรั่งกับคนจีน คนญี่ปุ่นก็น้อยเหมือนกัน

มางานนี้เห็นคนใช้ Powerbook หรือ iBook กันเยอะ ทำให้ชักอยากได้แฮะ ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยมีโน้ตบุคเป็นของตัวเองเลย หุๆ ใช้แต่ของห้องแล็บ อยากได้ Mac เพราะไม่อยากใช้ Windows มีปัญหานานับประการ ตอนนี้ถึงจะเป็นโน้ตบุตก็ใช้ Linux แล้ววันก่อนไปอ่าน blog ของพี่ฮุ้ย เห็นความสามารถของ Tiger ก็น่าสน ไว้กลับไปญี่ปุ่นค่อยคิดอีกที แต่ดูราคาแล้ว ถูกกว่าโน้ตบุคที่ใช้ Windows อีกล่ะ แต่ปัญหาสำคัญที่สุดคือ MS Office ตอนนี้เวลาติดต่อทำการงานทั้งหลายแหล่ต้องใช้ Word กับ Excel เป็นหลัก คือเหมือนโดนบังคับประมาณว่าเวลากรอกเอกสารต่างๆ ต้องกรอกในไฟล์ที่เขาส่งมาให้ จะใช้ OpenOffice.org ก็มีปัญหา เพราะไฟล์ที่ได้จะเพี้ยนไปพอสมควร ครั้นจะไปโวยวายว่าไม่มี MS Office ก็ไม่กล้า แบบว่ายังเป็นแค่เด็กตัวเล็กๆ ทั้งศ. ทั้งร.ศ. ก็เห็นเขายอมใช้กันแต่โดยดี เฮ้อ....วันนี้พล่ามยาวอีกแล้ว เรื่องของเรื่องคือนอนไม่หลับ เพราะวันนี้หนีมานอนกลางวัน แล้วตอนเย็นซดไวน์แดงไปก็หลับไปอีกยก (ไม่รู้ว่าตื่นเต้นเพราะพรุ่งนี้ต้องพูดด้วยหรือเปล่า)

ป.ล. พยายามทำเท่ห์ด้วยการโพสต์ผ่านเมลจาก Banff แต่ไม่รู้เป็นไร มันหายต๋อมไปเลย

01 July 2004

Opteron มาแล้ว

เมื่อวันก่อน Server เครื่องใหม่ที่สั่งซื้อไปมาส่งแล้ว มาพร้อม rack เลยต้องขักชวนชาวคณะมาช่วยกันประกอบ เพราะปีที่แล้วซื้อ server มา 3 เครื่อง แต่ไม่มีเงินซื้อ rack ต้องอาศัยวางกองไว้บนโต๊ะ พอได้ rack จับทั้งหมด ยัดไป แล้วทำให้ห้องเครื่องเรียบร้อยขึ้นเป็นกอง แต่กว่าจะประกอบเสร็จก็เล่นเอาแย่เหมือนกัน เพราะเขาไม่ยอมพิมพ์วิธีประกอบมาให้ ต้องเอา CD มาเปิด pdf อ่านเอง เฮ้อ...ซื้อมาก็ตั้งแพง พิมพ์หนังสือให้สักเล่มก็ไม่ได้ (ถ้าคิดในทางที่ดีก็ถือว่าช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมล่ะกัน เพราะถึงพิมพ์ให้มา ก็ใช้อ่านรอบเดียว แล้วก็คงกองๆ ไว้ ไม่ได้ใช้ประโยขน์อีกแน่ๆ)

Server ที่เพิ่งได้มาใช้ Opteron 2.2GHz 2 ตัว แรม 6GB (แค่แรมนี่ก็เกินครึ่งหนึ่งของราคาเครื่องแล้ว) เนื่องจากวันนี้ยุ่งๆ กับการเตรียมพรีเซนท์เลยยัง install ไม่ได้เสร็จเลย OS ที่ใช้ก็เหมือนเดิม คือ Gentoo Linux เพราะสนับสนุน amd64 แล้ว แต่พอเริ่มลงก็เจอปัญหาเลย เพราะพอบูตจาก LiveCD แล้วเลือก kernel แบบ smp เพราะจะได้สนับสนุนโปรเซสเซอร์ 2 ตัว ปรากฏว่าค้างไปเลย เลยต้องกลับมาเลือกแบบธรรมดา ถึงจะบูตมาได้ แล้วทุกอย่างก็ดูราบรื่น ไม่ว่าจะเป็นพวก gcc หรือ glibc ก็คอมไพล์ผ่านหมด kernel ตัวใหม่ก็ไม่มีปัญหา ตอนนี้ลงทุกอย่างเกือบเสร็จแล้ว (เหลือบูตใหม่จากฮาร์ดดิสก์แล้วลอง) คิดว่าน่าจะใช้ smp ได้ตามปกติ ไว้ว่างๆ หลังจากช่วงวิกฤตนี้อีกซักหน่อย คงจะได้จัดการให้เป็นเรื่องเป็นราว (รายละเอียดการ install กะว่าเอาไว้จะเอาไปเล่าแถว plone ของ ltn) จะได้เอามาใช้รันโปรแกรมของเรา อยากรู้จังว่ามันจะเร็วกว่า Xeon 3.2GHz ซักเท่าไหร่

30 June 2004

ศัพท์จากภาษาต่างประเทศ

วันนี้ไปเจอข่าวใน slashdot.jp เรื่องการบัญญัติศัพท์ภาษาต่างประเทศเป็นภาษาญี่ปุ่น ว่าสถาบันวิจัยภาษาแห่งชาติของญี่ปุ่น เสนอศัพท์บัญญัติใหม่มา 33 คำซึ่งปัจจุบันส่วนใหญ่ใช้คำทับศัพท์ แล้วขอให้ช่วยกันไปให้ความคิดเห็นเพื่อจะได้เอาไปปรับปรุง ตอนนี้ญี่ปุ่นมีปัญหาเรื่องการใช้คำทับศัพท์เยอะเหมือนกัน เพราะใช้แต่ทับศัพท์ทำให้คนทั่วไปไม่เข้าใจความหมายของคำ ตอนนี้ก็เลยมีการเสนอคำภาษาญี่ปุ่น ให้นำมาใช้แทนทับศัพท์ ดูไปแล้วก็คล้ายๆ กับที่ราชบัณฑิตยสถานพยายามทำอยู่ทุกวันนี้ แต่ข้อดีที่ผมเห็นในข่าวของญี่ปุ่นคือการให้คนทั่วไปมีส่วนร่วม เข้าไปลงความเห็นผ่านเว็บได้เลย ครั้งนี้จัดเป็นครั้งที่สามแล้ว หลังจากสองครั้งแรก จะให้ทุกคนช่วยกันเสนอคำเข้าไป นอกจากนี้ศัพท์บัญญัติแต่ละจะมีคำอธิบายโดยละเอียด บอกที่มาที่ไป รวมถึงวิธีใช้คำด้วย อยากให้ราชบัณฑิตยสถานทำอย่างนี้บ้างเหมือนกัน เพราะตอนนี้เวลาใช้ศัพท์บัญญัติจะมีแต่พจนานุกรม ไว้แค่เทียบคำ แต่เวลาใช้จริงๆ ไม่รู้จะใช้ยังไงดี จะแทนคำทับศัพท์ไปดื้อๆ ก็รู้สึกแปลก เลยบางครั้งก็ต้องเติมบุพบทอะไรไป ดูแล้วรกรุงรังยังไงไม่รู้ แต่ดูเหมือนว่าศัพท์บัญญัติภาษาญี่ปุ่นจะเอาไปใช้ง่ายกว่าภาษาไทย เพราะคำในภาษาญี่ปุ่นมีลักษณะเป็นคำประสม คล้ายการสมาสหรือสนธิในภาษาบาลี-สันกฤตอยู่แล้ว เอาไปแทนคำทับศัพท์ดื้อๆ ก็ไม่รู้สึกแปลกอะไร ผิดกับคำบัญญัติที่เกิดจากการนำคำไทย(ที่เป็นคำโดด)มาสร้างเป็นคำประสม ที่บางครั้งผมยังรู้สึกว่ามันไม่เป็นคำเดียวกัน มันยังแยกกันอยู่ อย่างเช่น stack ใช้ว่ากองซ้อน หรือ queue ใช้ว่าแถวคอย ถ้าใช้ไปตรงๆ มันแปลกอะ แต่จริงๆ แล้ว อาจจะยังไม่ชินก็ได้

ป.ล. อ่านเองดูอีกที รู้สึกว่าตัวเองพล่ามอะไรก็ไม่รู้ อ่านไม่ค่อยรู้เรื่องแฮะ

29 June 2004

ร้านหนังสือ

เฮ้อ....ร้านหนังสือแถวบ้านเพิ่งปิดตัวเองไปอีกหนึ่งเจ้า ตอนนี้เหลือแค่ร้านเดียว แถมส่วนใหญ่ขายเฉพาะวารสาร นิตยสารอีกต่างหาก ปกติก็ไม่ค่อยได้ใช้บริการร้านหนังสือเท่าไหร่หรอกนะ ส่วนใหญ่ซื้อหนังสือจาก amazon.co.jp เพราะราคามักจะถูกกว่า ล่งก็ไม่ช้ามากส่วนใหญ่ 1-2 วันก็มาแล้ว (ค่าส่งฟรีด้วย) แต่ยังไงก็ยังชอบไปเดินเล่นในร้านหนังสือ เพราะจะมีหนังสือแปลกๆ น่าสนใจที่เรายังไม่เคยเห็นบนเว็บ วันนี้เลยลองเข้าเว็บของร้าน Book 1st ดูหน่อย เผื่อจะมีใกล้ๆ บ้านบ้าง เพราะขี้เกียจลากสังขารจากบ้านนอกไปอุเมะดะ ปรากฏว่าไม่มีเลยแฮะ เป็นอันว่าคงต้องพึ่ง amazon ต่อไป

28 June 2004

ขี้เกียจๆๆ

ไม่ได้เข้ามาเขียนหลายวันเลยแฮะ เพราะว่าต้องเร่งทำงาน บวกกับความเบื่อ เสาร์อาทิตย์ไม่ค่อยได้ทำอะไรเลย นอกจากซึ้อของกิน+กิน+นอน อ้อ ลืมไป วันอาทิตย์เย็นไปปาร์ตี้บ้านพี่ป๊อบ ทำคอหมูย่างไปจากบ้าน กับไปทำต้มข่าที่บ้านพี่ป๊อบ ปรากฏว่าขายหมดแฮะ แต่คงด้วยความหิวของทุกคนแหละ แหะๆๆ ปาร์ตี้แบบอินเตอร์นี่ก็สนุกดีอีกแบบนะ แบบว่าคุยกันไม่ค่อยรู้เรื่องดี หุๆๆ ต้องขอบคุณลุงบ๊อบที่เป็นต้นคิด

22 June 2004

ภาษาดอกทานตะวัน

มีรุ่นพี่ส่งลิงก์นี้มาให้ ลองเข้าไปดูแล้วเจ๋งดีแฮะ เขาสร้างภาษาคอมพิวเตอร์ภาษาใหม่ขึ้นมา ตั้งชื่อว่า ฮิมะวะริ (ดอกทานตะวัน) ภาษานี้แตกต่างจากภาษาอื่นๆ ตรงที่ใช้ภาษาญี่ปุ่น แทนที่จะเป็นภาษาอังกฤษ แถมกฎเกณฑ์ต่างๆ ยังคล้ายไวยากรณ์ภาษาญี่ปุ่นมากๆ ประมาณว่าเอาคำสั่ง (กริยา) ไว้ท้ายประโยค ตามเว็บคนทำคาดหวังว่า ภาษานี้จะเหมาะกับผู้ใช้ที่อยากลองเขียนโปรแกรม หรืออยากเพิ่มความสะดวกในการทำงาน รวมถึงคนที่ไม่เก่งภาษาอังกฤษ

หลังจากดูคร่าวๆ ทำงานได้เฉพาะบนวินโดว์ :( งั้นไว้ค่อยลอง แต่ภาษานี้ดูมีลักษณะเป็นภาษาสคริปต์ ที่มีความสามารถไม่น้อยเลย เพราะเขาเชื่อมเข้ากับพวกสคริปต์ต่างๆ ของ Microsoft Office น่าจะช่วยอำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้ได้เยอะเลย

ที่จริง ภาษาคอมพิวเตอร์ที่เป็นภาษาไทย ก็เคยมีมาแล้วนะ ถ้าจำไม่ผิดคนสร้าง คือ อ.อาจหาญ สัตยรักษ์ แถมยังเคยใช้สอนในโรงเรียนตามหลักสูตรด้วย แต่ภาษานั้นดูเหมือนเอาภาษา Pascal มาแปลเป็นไทย มากกว่าจะเป็นภาษาใหม่ เช่น procedure ก็ใช้ว่า โปรแกรมย่อย เลยให้ความรู้สึกแตกต่่างจากภาษาดอกทานตะวัน ที่พยายามเลียนแบบภาษามนุษย์ เพื่อความสะดวกของผู้ใช้

เกลียด Spammer

เฮ้อ....วันนี้ mail server ที่แล็บ เจอดีจนได้ เรื่องเกิดจากอาจารย์สงสัยว่าทำไมส่งเมลช้ามาก มีปัญหาอะไรหรือเปล่า เลยมาบอกให้ไปช่วยเช็คดูหน่อย ลองดู log แล้ว สุดยอด!! มีคนทางทั่วโลก มารุมส่งเมลเข้ามาที่แล็บ จนทำให้เต็มพิกัดที่ตั้งไว้ ทุกอย่างก็เลยช้าไปหมด คนในจะส่งเมลไปข้างนอกก็ส่งไม่ได้ คนรู้จักที่จะส่งเมลมาก็รับได้ช้า เหตุที่โดนรุมอย่างนี้ เดาว่าเพราะมี spammer อยากได้ mail address ของคนในแล็บ ก็เลยใช้วิธีหา server ของคนอื่นหรือเครื่องที่โดน backdoor มารันสุ่มหา mail address โดยใช้คำทั่วๆ ไป มาขึ้นเป็นชื่อ แล้วลองส่งเมลดู ถ้าส่งได้ ก็แปลว่ามีเมลนี้ จะได้เอาเก็บไว้ใช้ส่ง spam ต่อไป แล้ววันนี้ก็เป็นวันที่ดวงของ server ที่แล็บตก ทำให้โดนรุมทั้งวัน จนถึงเวลานี้ก็ยังไม่หยุดเลย แถมหยุดไม่ได้ด้วย เพราะต้องเปิดเครื่องคอยรับเมลเอาไว้ด้วย

ดังนั้นทางเดียวที่ทำได้ก็คือกันไม่ให้ spammer รู้ได้ว่า address ไหนมีจริง จะได้ไม่ต้องมารับกรรมรับ spam ภายหลัง วันนี้ทั้งวันเลยต้องมารับมือกับการรุมส่งเมล โดยจากการสอบถามรุ่นพี่ผู้เชี่ยวชาญ ก็ได้ความรู้ว่า ปัจจุบันมีคนออกแรงทำฐานข้อมูลของ server ไม่รักดี ที่ยอมให้คนอื่นเอามาใช้ส่ง spam ได้ ซึ่งเราสามารถต่อ mail server เข้าไปถามได้โดยตรง ถ้าเครื่องไหนอยู่ในกลุ่มนั้น ก็เลิกคุยกัน ไม่พูดด้วย ลองเข้าไปดูเว็บ http://www.ordb.org หนึ่งในผู้รวบรวมข้อมูล ปรากฏว่ามีเครื่องไม่รักดี อยู่ประมาณ 225,000 เครื่อง โอ้ว....ทำไมไม่ค่อยรักดีกันเลยเนี้ย นอกจากนี้เพื่อเพิ่มความมั่นใจ ก็เลยตัดเอา server ผู้ร่วมปฏิบัติการ ที่อยู่ log มาเช็คเองด้วย เพราะมีผู้ร่วมปฏิบัติการที่ไม่อยู่ในฐานข้อมูล ปรากฏว่า server ที่แล็บ ณ เวลานี้ โดนกระทำชำเราไปแล้วกว่า 130,000 ครั้ง มีผู้ร่วมปฏิบัติการ 9,144 เครื่อง หลังจากเช็คแบบนี้แล้ว ก็ทำให้ส่วนใหญ่ก็ตัดทิ้ง วางใจได้หน่อยว่า mail ของคนในแล็บ จะยังปลอดภัยอยู่ซักพักหนึ่ง

เฮ้อ....เมื่อไหร่มันจะเลิกเนี้ย อ่านใน newsgroup เจอคนหนึ่งโดนไป 3 วันไม่มีหยุดเลย อยากรู้จริงๆ ว่ามันคุ้มไหมเนี้ย ที่แล็บมีอยู่ 10 กว่าคน ต้องรันข้ามวันข้ามคืนเนี้ย แถมแต่ละคนชื่อประหลาดๆ โอกาสเก็บเมลไปได้คงน้อยน่าดู

โหมโรง

ไม่รู้ช้าไปหรือเปล่า เพราะเพิ่งได้ดูโหมโรงทาง VCD ที่พี่ป๊อบให้ยืมมาเมื่อคืนนี้เอง หลังจากได้แต่อ่านคำชื่นชมแถว pantip.com แล้วก็จินตนาการไปว่าจะสนุกแค่ไหน พอได้ดูจริงๆ แล้ว ไม่ผิดหวังเลย สมแล้วที่ได้รับคำชื่นชมมากมาย แถมยังได้ลุ้นช่วงแข่งตีระนาด แต่ประทับใจที่สุดเห็นจะเป็นช่วงที่ท่านครูตีระนาดร่วมกับ ลูกชายซึ่งเล่นเปียโนที่ซื้อมาใหม่ กับเพลงสุดท้ายก่อนจบเรื่อง (เพลงคุ้นมาก แต่ไม่รู้จักชื่อ แหะๆๆ)

ดูแล้วขอสงสัยหน่อยเถอะ (จะไปยกมือถามใครได้เนี้ย) ตอนที่พระเอกกับนางเอกเจอกันครั้งแรก ทำไมถึงให้นางเอกเก็บดอกลั่นทมก็ไม่รู้ รู้สึกแปลกใจหน่อยๆ ว่า ในวังไม่น่าจะปลูกต้นลั่นทมไว้ เพราะชื่อไม่ค่อยจะเป็นมงคลนัก (แม้ว่าดอกจะสวย และทำให้ได้ภาพสวยๆ ในหนังก็ตาม) ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่มีความรู้อะไรหรอก เพียงแค่สงสัยอะ เพราะจำได้ว่าคนสมัยก่อน ไม่นิยมปลูกลั่นทมไว้ในบ้าน

21 June 2004

ว่าด้วย Mozilla Firefox

ใช้ Mozilla Firefox มาได้ซักพักใหญ่แล้ว ถึงแม้ว่ายังไม่ออกเวอร์ชัน 1.0 สาเหตุเพราะว่ารู้สึกว่าทำงานเร็วกว่า Mozilla แถมตอนแรกหน้าตาก็สวยกว่าด้วย พอ 0.9 ออกมานี่ เปลี่ยนหน้าตาใหม่ดูยังไงก็ไม่สวยแฮะ เมื่อวานเลยลองไปหา theme มาลองใหม่ดู เข้าไปตาม "Get More Themes" ในเมนู ก็จะพาเราไป เว็บรวม themeเอง ด้วยความใจง่าย ก็เลยเลือก Noia 2.0 (eXtreme) มาใช้ เพราะมีจำนวนดาวน์โหลดสูงสุด ตั้งเจ็ดหมื่นกว่าครั้ง ลองใช้แล้วดูแปลกตาดีแฮะ ถึงแม้จะไม่ชอบมาก เพราะอยากได้แบบเรียบๆ มากกว่า แต่ลองอ่านเว็บดู ปรากฏว่าคนทำเป็นคนไทยแฮะ ชื่อคุณ Kongkeat Kuatrakool เขาเป็นใครไม่รู้จักหรอก แต่ดีใจ นานๆ จะเห็นชื่อคนไทยในเว็บที่ให้โหลดพวกนี้ซักทีนึง เลยเป็นอันตกลงว่าใช้ theme นี้ ไปซักพักก่อนดีกว่า (สนับสนุนคนไทย)

นอกจาก theme แล้ว สิ่งที่รู้สึกขาดไม่ได้เวลาใช้เจ้าจิ้งจอกไฟก็คือ extensions ต่างๆ ตอนนี้ใช้อยู่ 3 อย่างคือ

  • Googlebar -- ทูลบาร์สำหรับค้น Google.com คล้ายๆ กับที่มีบน IE ชอบมากเพราะ search plugin ที่ให้มากับ Firefox เซ็ตอะไรไม่ค่อยได้เท่าไหร่ เช่นจะให้ใช้ google.co.jp ก็ไม่ได้ (จริงๆ คงทำได้แหละ แต่ไม่มีปัญญาเซ็ต) ใช้ Googlebar จะทำอะไรได้หลายๆ อย่าง สะดวกดี
  • All-in-One Gestures -- เดี๋ยวนี้ติด mouse gesture แล้วล่ะ เพราะรู้สึกว่าสะดวกกว่า ไม่ต้องเลื่อนเมาส์ไปไกลๆ เพื่อคลิกปิดหน้าต่าง หรืออะไรทำนองนี้
  • Download Sort -- ช่วยให้การดาวน์โหลดสะดวกขึ้น เพราะสามารถแบ่งแยกที่เก็บไฟล์สำหรับโหลดมาแล้ว ได้ง่าย ตามนามสกุล หรือจะให้แบ่งย่อยตามวันที่โหลดมาด้วยก็ได้ สะดวกดี

20 June 2004

SuSE 9.1 Personal อีกแล้ว

เมื่อไม่นานมานี้ มีโอกาสลองลง SuSE ผ่าน ftp ซึ่งก็ใช้เวลานานพอสมควร แถมยังไม่สามารถลงจากที่บ้านได้ เพราะไม่สนับสนุน PPPOE ตอนลง เมื่อกี้นี้อ่าน OSNews.com ปรากฏว่าตอนนี้ SuSE ทำ ISO สำหรับรุ่น personal มาให้โหลดแล้วล่ะ ปกติก็ไม่เคยทำนะ พอมาอยู่กับ Novell แล้วคงมีการเปลี่ยนนโยบายแน่ๆ เลย

ข่าวเช้าวันอาทิตย์

ช่วงนี้ถึงแม้จะเป็นวันหยุด แต่ก็พยายามตื่นแต่เช้า เพราะไม่อยากให้ติดเป็นนิสัย แล้วทำให้วันทำงานไม่อยากตื่น เปลี่ยนจากนักเรียนมาเป็นคนทำงานนี่ต้องปรับตัวหลายอย่าง เหมือนกันแฮะ จริงๆ ตามกฎไม่ต้องตื่นเช้าไปทำงานก็ได้แหละ แค่ทำให้ครบชั่วโมงต่อสัปดาห์ก็พอ แต่จะให้ไปทำงานตอนบ่ายๆ กลับดึกๆ ก็ยังไงอยู่ ทำตัวเป็นปกติน่าจะดีกว่า เขียนข่าวดีกว่า

  • 64 bit Linux -- ข่าวแรกได้มาจาก osnews.com ว่ามีคนเขียนริวิวเกี่ยวกับการใช้ linux บนซีพียู 64 bit ไว้ที่ MyLinuxNews.com ลองไปอ่านดู พบว่าเขาลองใช้ Fedora Core 2, Gentoo 2004.1 และ SuSE 9.1 สำหรับเป็นเดสก์ท็อป แล้วยังพบปัญหาหลายอย่างเหมือนกัน ทั้งปัญหาเกี่ยวกับเสียงที่ใช้ ALSA หรือปัญหาเกี่ยวกับ KDE และ Gnome จริงๆ ตัวเองก็อยากได้ AMD64 เหมือนกันนะ แต่ถ้าซื้อแล้วจะเอามาทำอะไรหว่า ยังคิดไม่ออก เครื่องที่ใช้อยู่ตอนนี้ก็ยังไม่เห็นมีปัญหาอะไร เลยไม่ซื้อดีกว่า แพงด้วยไม่มีตังค์ อ่านข่าวนี้แล้วรออีกซักพักดีกว่า จะได้ถูกลง แถมใช้ linux ได้ดีขึ้นด้วย
  • สิทธิบัตร ของ LZW Algorithm หมดอายุแล้ว -- เพิ่งอ่านเมื่อกี้นี้จาก slashdot.jp ว่าสิทธิบัตร LZW ซึ่งเป็นของบริษัท Unisys ในญี่ปุ่นจะหมดอายุในวันที่ 20 มิ.ย. (วันนี้) อเมริกาก็น่าจะเหมือนกัน ส่วนยุโรปเห็นว่าหมดไปตั้งแต่วันที่ 18 แล้ว พอหมดอายุแล้ว ต่อไปไม่รู้พวก GIMP หรือโปรแกรมวาดรูปฟรีทั้งหลาย จะกลับมาสนับสนุน gif อีกหรือเปล่า แต่ก็น่าอะนะ เพราะเท่าที่ดูตอนนี้ png ยังไม่เป็นที่นิยมเท่าไหร่เลย

ป.ล. มีเพื่อนบอกมาว่าอ่านที่เขียนไม่ค่อยรู้เรื่อง แหะๆๆ การสื่อสารแย่แฮะเรา

18 June 2004

ฝนตก

เฮ้อ...เป็นเหมือนเดิมอีกแล้ว ฤดูฝนปีนี้ยังคงเป็นเหมือนปีอื่นๆ ที่ผ่านมา คือฝนมักจะตกช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ แล้วอากาศดี แดดออกวันทำงาน ทำให้วันหยุดต้องนอนอยู่บ้าน เพราะไม่อยากออกไปไหน ฝนที่นี่ยิ่งไม่เหมือนฝนเมืองไทยด้วย เพราะเล่นตกหยิมๆ เบาๆ แต่ตกกันทั้งวัน น่ารำคาญมาก วันอาทิตย์นี้นัดกับชาวคณะว่าจะไปโกเบกันซะหน่อย สงสัยต้องยกเลิก แล้วนอนอยู่บ้านเหมือนเดิม....สงสัยต้องคิดหาอะไรทำซะแล้ว

17 June 2004

Mozilla Thunderbird 0.7

ตามกันมาติดๆ หลังจาก Mozilla ออก Firefox 0.9 มาเมื่อวันก่อน วันนี้เข้าไปดูอีกที Thunderbird 0.7 ออกตามมาแล้วแฮะ ลองโหลดมาใช้ดูแล้ว ไม่ค่อยเห็นความแตกต่างอะ แต่อ่าน Release Notes แล้ว มีฟังก์ชันใหม่ ที่อยากได้มานานแล้ว นั่นก็คือ สามารถกำหนด e-mail address ได้หลายอัน ใน account อันเดียวกัน เพราะตอนนี้ใช้ IMAP แล้วดึงเมลจากหลายๆ ที่มารวมไว้ที่เดียวกัน เวลาตอบเมล ก็อยากตอบตามที่เขาส่งมา ตอนนี้ต้องใช้วิธีสร้าง account หลอกๆ ขึ้นมาแทน

16 June 2004

ลาก่อน, คุโระ

เมื่อวานกลับบ้านดึก แต่ระหว่างทางนึกขึ้นได้ว่าเมื่อวานเป็นวันที่ร้านวิดีโอลดราคา เลยไปแวะหน่อย จุดประสงค์คืออยากไปเช่า Contact มาดูอีกรอบ แต่เดินดูไปมา ก็ไปเจอหนังญี่ปุ่นเรื่อง ซะโยะนะระ, คุโระ (さよなら、クロ) แล้วเห็นเขียนแนะนำไว้ที่ปกดีวีดีว่าเป็นเรื่องของหมาที่มีความสุขที่สุดในโลก ท่าทางน่าสนใจดี เลยเช่ามาอีกเรื่องหนึ่ง

ฉากหนังเรื่องนี้อยู่ที่จังหวัดนะกะโนะ ราวๆ ปี 1961 (เห็นว่าสร้างจากเรื่องจริง) มีตัวเอกเป็นหมาสีดำชื่อคุโระ เป็นหมาเจ้าของต้องย้ายบ้านไปอยู่ที่อื่น ก็เลยทิ้งไว้ จนกลายเป็นหมาจรจัด แล้วอยู่ๆ ก็พลัดหลงมาอยู่แถวโรงเรียนมัธยมปลายแห่งหนึ่ง มีนักเรียน ครู ภารโรง ช่วยกันเลี้ยงดู จนกลายเป็นสัญลักษณ์ของโรงเรียน ในระหว่างนั้น มีเรื่องราวต่างๆ ที่คุโระเข้าไปเกี่ยวข้อง ทั้งเรื่องความรักระหว่างเพื่อน ความรักระหว่างหนุ่มสาว การพลัดพราก ความผูกพันในครอบครัว จนสิบกว่าปีผ่านไป คุโระเริ่มแก่ และในที่สุดก็จากไป ความผูกพันต่างๆ ทำให้อาจารย์และนักเรียนทั้งโรงเรียน รวมทั้งศิษย์เก่าหลายๆ คน ร่วมกันจัดงานศพในคุโระ

ในความคิดของผม หนังเรื่องนี้ดูเรียบง่าย แต่บอกเรื่องราว และสะท้อนความผูกพันต่างๆ ได้ดี มีหักมุมก่อนตอนกลางเรื่อง ซึ่งทำให้เดาตอนจบของเรื่องได้ แต่ก็ยังรู้สึกอยากดูต่อไปจนจบ สรุปง่ายๆ ว่าน่าดู

15 June 2004

Mozilla Firefox 0.9

วันนี้เข้าไปแวะ mozilla.org เพิ่งเห็นว่า Firefox ออกเวอร์ชันใหม่ 0.9 แล้ว เลยไปโหลดมาลองหน่อย เดี๋ยวนี้บน linux ก็มี intaller ให้ด้วยแฮะ ที่จริงก็ไม่จำเป็นเท่าไหร่อะนะ เพราะเดิมระเบิดจาก .tar.gz แล้วก็รันได้เลย แต่พอมีแล้ว อาจจะช่วยเซ็ตอะไรเพิ่มให้มั้ง

เวอร์ชันใหม่นี่หน้าตาแปลกไป ใช้ไอคอนชุดใหม่ทั้งหมด ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่อะ ชอบแบบเดิมมากกว่า ไม่แน่ อาจจะยังไม่คุ้น เดี๋ยวใช้ๆ ไปก็คงชิน แต่ไม่รู้เขาไม่ได้คอมไพล์ให้ใช้ SSL หรือไงไม่รู้ เข้าไม่ได้ หรือว่า openssl มาอยู่คนละทีกันหว่า ไม่เป็นไร กลับไปใช้ 0.8 เหมือนเดิมก่อน รอ emerge เอาล่ะกัน เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยเห่อเวอร์ชันใหม่เท่าไหร่แล้ว คงเป็นเพราะมันไม่มีฟังก์ชันอะไรต่างจากเดิมแล้วมั้ง

DNA Computing

วันนี้ไปฟัง colloquium ของภาคฯมาอีกแล้ว วันนี้เป็นเรื่อง DNA Computing ซึ่งได้ยินมาสักพักหนึ่งแล้ว แต่ไม่เคยได้ศึกษาสักที จากที่ฟังมาสรุปได้คร่าวๆ ว่า DNA Computing คือการนำปฏิกิริยาต่างๆ ที่เกิดระหว่างโมเลกุล DNA มาใช้ในการคำนวณ โดยเริ่มต้นเกิดจากการทดลองของ Adleman (A ของ RSA) โดยกำหนดส่วนของสาย DNA ให้แทนโหนดของกราฟ แล้วใช้ประโยชน์จากการจับตัวระหว่างสาย DNA เพื่อหาว่ากราฟมี Hamitonian Path หรือไม่ และหลังจากนั้นก็มีนักวิทยาศาสตร์อื่นๆ เสนอวิธีการใช้ DNA แทน State Machine

DNA Computing มีข้อดีตรงที่มีจำนวนโมเลกุล ถ้าสามารถนำมาใช้ในการคำนวณได้ ก็จะได้ parallel machine ขนาดใหญ่ซึ่งสามารถคำนวนสิ่งต่างๆ ได้เร็วมาก อีกทั้งพลังงานที่ใช้ในปฏิกิริยาก็ยังต่ำมากๆ เมื่อเทียบกับคอมพิวเตอร์ในปัจจุบัน นอกจากแนวคิดที่จะนำ DNA มาใช้เป็นเครื่องคำนวณแล้ว ยังมีนักวิทยาศาสตร์ชาวอิสราเอลนำไปใช้เป็นยารักษาโรคด้วย โดยสร้าง DNA ที่สามารถทดสอบโมเลกุลต่างๆ ในเซล เช่นถ้าพบว่าเป็นเซลมะเร็ง ก็จะสร้างยารักษาออกมา ทำให้สามารถรักษาโรคได้ตรงจุดที่เกิด เขาตั้งชื่อยาแบบนี้ว่า Smart Drug ตอนนี้ผลการวิจัยก็ได้รับการตีพิมพ์ในวารสาร Nature ด้วยแล้ว ลองค้นดูก็เจอข่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วย

14 June 2004

แนะนำหนังสือ: Intelligence: A Very Short Introduction

เมื่อวันเสาร์ หนังสือที่สั่งไปเพิ่งมาส่ง ชื่อเดียวกับหัวข้อ Intelligence: A Very Short Introduction โดย Ian J. Deary พิมพ์โดยสำนักพิมพ์ Oxford เล่มเล็กกะทัดรัด ขนาดคนอื่นเห็นครั้งแรกไม่คิดว่าเป็นหนังสือ คิดว่าเป็นสนุดโน้ต ตอนนี้เพิ่งอ่านจบไปบทเดียว (เพราะวันเสาร์กับวันอาทิตย์มัวแต่นอนปวดไหล่อยู่ ) เลยคงจะพูดถึงรายละเอียดได้ไม่มาก โดยรวมแล้ว หนังสือเล่มนี้พูดถึงการศึกษาและวิจัยที่เกี่ยวกับปัญญาของมนุษย์ (human intelligence) ในเชิงจิตวิทยา กล่าวคือไม่ได้ศึกษาว่าสมองมนุษย์ทำงานยังไง ทำไมมนุษย์จึงมีปัญญา แต่ศึกษาพฤติกรรมต่างๆ ของมนุษย์ที่บ่งบอกปัญญา อย่างบทแรกก็พูดถึงการศึกษาด้วยการใช้แบบทดสอบ (คล้ายๆ แบบทดสอบ IQ) ซึ่งทำให้สามารถจัดกลุ่มหรือระบุความสัมพันธ์ของพฤติกรรมที่เป็นตัวบ่งบอกปัญญาของมนุษย์ โดยใช้วิชาสถิติมาช่วย

ถ้าถามว่าทำไมถึงซื้อหนังสือเล่มนี้ คงเป็นเพราะตอนนี้ทำงานวิจัยเกี่ยวกับปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) ก็เลยคิดว่าเราควรจะรู้ลักษณะของปัญญามนุษย์ เพราะเดิมตั้งแต่ทำวิจัยมา ไม่เคยสนใจเรื่องนี้ ด้วยความที่ไม่เชื่อว่า Strong AI (แนวคิดที่ว่าปัญญาที่มนุษย์สร้างขึ้น (ถ้าทำได้) จะเป็นเหมือนปัญญาจริงๆ ของมนุษย์) จะเป็นจริงได้ ที่สนใจ AI อยู่ทุกวันนี้เพราะคิดว่างานวิจัยทาง AI จะช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่มนุษย์ในด้านต่างๆ เช่น ทำให้มนุษย์ติดต่อกับเครื่องจักรได้สะดวก ง่ายขึ้น เหมือนการติดต่อระหว่างมนุษย์ แต่เชื่อว่า AI คงไม่สามารถมาแทนที่ปัญญาของมนุษย์ได้ แต่พอเห็นหนังสือเล่มนี้เล็กดี คงใช้เวลาอ่านไม่นาน แถมราคาก็ไม่แพง (ประมาณ 300 บาท) ก็เลยซื้อมาลองอ่านดู เท่าที่อ่านดูก็น่าจะสนใจทีเดียว เพราะเริ่มอธิบายทุกอย่างตั้งแต่ต้น ด้วยภาษาง่าย และพยายามไม่ใช้ศัพท์เทคนิคในแวดวงจิตวิทยาเลย

นอกจากเรื่อง Intelligence แล้ว Very Short Introductions ยังเป็นชุดหนังสือที่เกี่ยวความรู้แขนงต่างๆ ที่น่าสนใจ ดูได้ที่ http://www.oup.co.uk/general/vsi/

11 June 2004

art.gnome.org

ได้ข่าวจาก gnomedesktop.org ว่า art.gnome.org กลับมาแล้ว เข้าไปดูก็กลับมาแล้วจริงๆ ดีหน่อยที่ login manager รูป Kinkakuji ของเราก็ยังอยู่ แต่เสียดายที่สถิติหายไปแล้ว ครั้งสุดท้ายที่ดู เขาบอกว่ามีคนโหลดประมาณ 25 ครั้งต่อวัน อยากรู้จริงๆ ว่าจริงหรือเปล่า (ตัวเองยังไม่ใช้เลย แหะๆๆ ขี้เกียจเซ็ต) แต่ถ้ากลับมาอย่างนี้แล้ว น่าทำรูปอื่นส่งไปอีก ไว้ว่างๆ เลือกรูปก่อน

Mono

เมื่อวานได้มีโอกาสทดลอง Mono ซึ่งตอนนี้ใกล้จะคลอดเวอร์ชัน 1.0 เต็มทีแล้ว (ตอนนี้เป็น 0.95 หรือ 1.0 beta 2) Mono จะประกอบด้วยส่วนหลักๆ คือ mcs กับ mbas ซึ่งเป็นคอมไพเลอร์ของ C# กับ VB และ mono ซึ่งเป็น vm สำหรับ .NET framework. เนื่องจากผมใช้ gentoo อยู่ เวลาลงก็ไม่ยาก เพียงแค่ emerge mono แล้วรอซักพักใหญ่ ก็เรียบร้อย เสร็จแล้วก็ลองใช้งาน ด้วยการเขียนโปรแกรมภาษา C# ง่าย

using System;

class Hello {
  static void Main() {
    Console.WriteLine("Hello World!!!");
  }
}

เสร็จแล้วก็คอมไพล์ด้วยคำสั่ง

$ mcs hello.cs
จะได้ hello.exe มา เมื่อรันด้วย mono ก็จะได้ผลเป็นการพิมพ์คำว่า Hello World!!!
$ mono hello.exe
ตอนแรกที่เห็นก็งงๆ ว่าทำไมมันต้องเป็น .exe ทำอย่างกับจะให้เอาไปใช้บนวินโดว์น่ะ แต่นึีกๆ อีกที มันเป็น CLR ของ .NET นี่นา ก็น่าจะรันบนวินโดว์ได้ เอาไปรันดู ก็ทำงานได้จริงๆ ด้วย ดีแฮะ จากนั้นอ่านblog ของคุณ Miguel de Icaza แกบอกว่ามี Monodevelop ด้วย ลองเอาใช้ดู หน้าตาคล้ายๆ Anjuta สามารถสร้างโปรเจค (เขาเรียกว่าโซลูชัน) สำหรับใช้ gtk-sharp ได้ เลยได้ลอง gtk-sharp ต่ออีกหน่อย (อ่าน gtk-sharp tutorial จาก http://go-mono.com:8080)
using Gtk;
using GtkSharp;
using System;

class Hello {
  static void Main() {
    Application.Init();
    Window window = new Window("Hello World!!!");
    window.Show();
    Application.Run();
  }
}
เวลาคอมไพล์จะยุ่งขึ้นนิดหนึ่ง เพราะต้องลิงก์กับไลบรารีด้วย
$ mcs hellogtk.cs -r /usr/lib/mono/gtk-sharp/gtk-sharp.dll
พอรันด้วย mono ก็จะได้วินโดว์ออกมาอันหนึ่ง อย่างนี้ แต่คราวนี้คงเอาไปรันบนวินโดว์ไม่ได้แล้วล่ะ นอกจากจะเอา gtk-sharp ได้ลงบนวินโดว์ซะก่อน

ถ้าใช้ Monodevelop ก็จะง่ายขึ้นหน่อยเพราะเขาจะจัดการพวกไลบรารีให้ นอกจากจะเขียน gtk แบบปรกติแล้ว ยังใช้ libglade ได้ด้วย เลยทำให้เขียนโปรแกรมได้สะดวกขึ้นเยอะเลย เลยกำลังคิดว่าจะลองเขียนโปรแกรมอะไรเล่นดู แต่ยังนึกไม่ออก ไว้ค่อยลองล่ะกัน

09 June 2004

SuSE 9.1

เมื่อวานหลังจากลองลง SuSE ใหม่อีกรอบ ก็ประสบความสำเร็จด้วยดี สามารถลงผ่าน ftp ได้ อย่างค่อนข้างราบรื่น มี screenshot มาให้ดูด้วย ตอนลงเลือกลงแต่ KDE ซึ่งเป็นตัวเลือกพื้นฐาน ขี่้เกียจเลือก Gnome เพราะต้องรอ ftp นาน หลังจากลงแพคเกจเสร็จแล้ว ตอนตั้งค่าต่างๆ Yast ก็ทำหน้าที่ได้ดีพอสมควรสมคำร่ำลือ แต่จะติดปัญหาอยู่นิดนึงตอนเซ็ตเน็ตเวิร์ค เพราะ Yast เลือกไดร์เวอร์ของการ์ดแลนให้ผิด แล้วก็พยายามจะให้ใช้ไดรเวอร์ตัวนั้น แต่พอลองเลือกเซ็ตเองก็สามารถใช้งานได้ สรุปว่าอาจจะเป็นความไม่คุ้นเคยกับ Yast มากกว่า ลงเสร็จก็ใช้ไปหน่อยเดียว เพราะใช้ KDE ไม่ถนัด แล้วก็กลับมาตายรังที่ Gnome 2.6 บน Gentoo เหมือนเดิม ไว้ว่างๆ ค่อยลองใช้ใหม่

07 June 2004

SuSE 9.1 Free Download

เห็นข่าวใน OSNews มาหลายวันแล้ว ท่าทางน่าสนใจ เพราะ SuSE เป็นดิสตริบิวชันที่ไม่เคยใช้มาก่อน วันก่อนจะลองที่บ้าน ก็ดันติดว่าเป็น ADSL แบบใช้ pppoe ซึ่งโปรแกรมติดตั้งไม่สนับสนุน (สู้ Gentoo ก็ไม่ได้)คือจะลงผ่าน ftp น่ะ ที่จริงจะดูดไฟล์ทั้งหมดมาทิ้งไว้ก่อนก็ยังได้นะ แต่ท่าทางจะต้องรอหลายวัน วันนี้เลยมาลองที่แล็บล่ะกัน หลังจากเคลียร์ฮาร์ดดิสก์ไปเมื่อวันหยุดที่ผ่านมา พอดีวันนี้มีความจำเป็นต้องใช้วินโดว์ทำพรีเซนท์เลยใช้โน้ตบุค แล้วก็ลง SuSE ไป พร้อมๆ กัน นี่ยังไม่เสร็จเลย ขึ้นเวลาว่าอีกประมาณสองชั่วโมงถึงจะเสร็จ สงสัยอาจจะพอดีกับทำพรีเซนท์เสร็จ

ถ้าถามความรู้สึกตอนนี้ บอกได้เลยคำเดียวว่าเจ๋ง โปรแกรมติดตั้งไม่ซับซ้อนดี แถมสามารถแก้ตัวเลือกต่างๆ ได้ตลอดเวลา ไม่ใช่แบบเลือกไปแล้วต้องย้อนกลับมาเลือกอีก ดูดีกว่าพวก Fedora เยอะเลย แถมโปรแกรมติดตั้งก็ทำงานราบรื่นดี ไม่มีอะไรมากวนใจ ส่วนลงสำเร็จแล้ว เป็นยังไง ไว้มาเล่าต่อ (แต่ตอนนี้รัก Gentoo ที่สุด เพราะ Fedora ไม่ได้ดั่งใจ จะเซ็ตอะไรทีก็ลำบาก)

.....เวลาผ่านไป 2 ชม.กว่า ยังลงไม่สำเร็จเลย ftp โดนตัดกลางทางก่อน จะเปลี่ยนไปใช้ mirror อื่นที่เร็วกว่า ก็มีปัญหา package ไม่ครบ แต่ตอนนี้ทำงานเสร็จแล้ว กลับบ้านก่อนล่ะกัน สรุปว่า เอาไว้ว่างๆ ลองใหม่

06 June 2004

The day after tomorrow

เพิ่งไปดู The day after tomorrow มา สุดท้ายก็ไปดูจนได้ หลังจากจดๆ จ้องๆ มาตั้งแต่เมื่อวาน เป็นหนังเรื่องที่เท่าไหร่ที่ดูในญี่ปุ่นเนี้ย ไม่ 4 ก็ 5 แหละมั้ง เฉลี่ยแล้วดูปีละเรื่องเองแฮะ ราคาตั๋วหนังคงเป็นสาเหตุใหญ่ ก็เกือบสองพันเลยนะ กินข้าวได้ตั้งหลายมื้อ คราวนี้ไปดูที่ Visola ซึ่งเปิดใหม่เมื่อปลายปีที่แล้ว สภาพโรงใหม่เอี่ยม ทันสมัย แถมยังให้จองที่ได้ด้วย ไม่เหมือนแถวชิบูย่าที่ต้องไปเข้าคิวที่ประตูโรง เพราะไม่มีการจองที่นั่ง คนมาดู The day after tomorrow น้อยมาก ไม่ถึงครึ่งโรง นี่ขนาดวันนี้เพิ่งฉายวันที่สองเองนะ คงเป็นเพราะรอบเช้าด้วย แถมแถวนี้ก็บ้านนอกขนาดนั้น ใครที่ไหนจะแห่กันมาดู แต่ก็ยังดีที่ยังมีโรงหนังดีๆ ให้ดู หวังว่าคงจะไม่เจ๊งไปซะก่อน เพราะคนดูน้อยเกินไปนะ

พูดถึงหนังหน่อย ดูแล้วรู้สึกว่าเป็นหนังไซไฟที่ดีเรื่องหนึ่งทีเดียว แม้ว่าการดำเนินเรื่องจะเร็วๆ แล้วก็รวบรัดไปหน่อย เลยดูเหมือนไม่มีจุดดึงดูด เพราะจะเน้นที่ฮีโร่สุดๆ อย่าง Armageddon หรือ ID4 ก็ไม่ใช่ จะเป็นเรื่องของครอบครัวๆ หนึ่งแบบ Sign ก็ไม่ใช่ เป็นแบบลูกผสม แต่ให้อารมณ์คล้ายๆ Deep Impact ส่วนในแง่ของความเป็นไซไฟ มีรายละเอียดเยอะดี แต่ก็ยังไม่ทำให้เกิดจินตนาการ อย่าง Contact แต่จุดเด่นที่เห็นที่สุด คือ CG สวย ตระการตามาก สรุปง่ายๆ ว่า เป็นหนังที่ดีเรื่องหนึ่ง แม้ว่าจะไม่ใช่ที่สุด อืม...ว่าแต่เรื่องนี้มีเสียดสีรัฐบาลอเมริกาสุดๆ อย่างเรื่องปฏิญญาเกียวโตที่อเมริกาไม่ยอมร่วม หรือตอนหลังที่อเมริกาต้องไปพึ่งเม็กซิโก

03 June 2004

Software Suspense

ไม่ได้เข้ามาเขียนตั้งหลายวัน เพราะไม่ได้อยู่บ้าน แต่มาประชุมที่คะนะซะวะ เน็ตไร้สายที่โรงแรมก็พอใช้ได้บ้าง แต่ติดๆ หลุดๆ เลยไม่ค่อยอยากใช้เท่าไหร่ ต้องอาศัยใช้เน็ตในงานเฉพาะตอนกลางวัน เมื่อวานมีเวลาว่างเลยลอง Software Suspense ดูอีกครั้ง เพราะเวลามาอยู่นอกสถานที่ ไม่ค่อยมีปลั๊กไฟให้ใช้ แบตก็ใช้ได้ไม่นาน จะบูตบ่อยๆ ก็เหนื่อย เลยอยากได้ Software Suspense แบบวินโดว์ เมื่อวานลอง kernel 2.6.6 กับ software-suspend-2.0.0.81-for-2.6.6.tar.bz2 กับโน้ตบุคที่ใช้อยู่ซึ่งเป็น i830 เดิมจะมีปัญหา ตอน resume ในกรณีที่ใช้ X Window แต่คราวนี้ใช้งานได้ทันที ไม่มีปัญหาใดๆ ดีจัง วันนี้จะได้ลองไปใช้ในงานดู ส่วนข้างล่างขอเขียนวิธีคอมไพล์ไว้หน่อย ไว้เผื่อลืม

$ tar jxvf linux-2.6.6.tar.bz2
$ cd linux-2.6.6
$ bzcat -c ~/.....tar.bz2 | patch -p1
$ make meuconfig
$ make
$ make modules_install
$ mount /boot
$ make install

28 May 2004

POP3/SSL

เมื่อวานกว่าจะเซ็ต mail server ของแล็บ ให้ใช้ POP3/SSL ได้ เสียเวลาไปครึ่งวัน เพราะมัวแต่ลองโน้นลองนี่อยู่ แต่พอเสร็จแล้ว ก็เลยไปเขียนวิธีทำไว้ที่ LTN หลังจากไม่ได้เขียนเพิ่มมานาน http://linux.thai.net/plone/Members/cholwich/popssl

ตอนเย็นชาวคณะชักชวนกันไปดูหิ่งห้อย ในสวนสาธารณะแถวมินะมิเซ็นหริ มีไม่เยอะเท่าไหร่ น่าจะประมาณร้อยตัวได้ ดูแล้วได้ความรู้สึกแปลกดี เพราะสมัยก่อนอยู่บ้านมีให้เห็นจนเบื่อ สมัยนี้ไม่รู้ยังจะมีหรือเปล่าเพราะไม่ค่อยได้อยู่บ้านเท่าไหร่ แต่น่าจะน้อยลงแล้วล่ะมั้ง ตอนไปเมืองไทยคงจะต้องมีชักชวนกันไปดูหิ่งห้อยแบบนี้เหมือนกัน เพราะนับวันจะกลายเป็นของแปลก

26 May 2004

OpenBSD กับ Sparc64

โพสต์อันที่แล้วเสร็จ ก็เหลือบไปเห็นมีคนรีวิว OpenBSD กับ Sparc64 ที่ OSNews ท่าทางก็น่าสนใจดีนะ OpenBSD ปลอดภัยดีด้วย เหมาะจะเอามาทำ server แต่ช้าไปแล้ว เพราะลง gentoo ไปได้ค่อนตัวแล้ว ขี้เกียจกลับลำแล้ว

OpenBSD กับ Sparc64

โพสต์อันที่แล้วเสร็จ ก็เหลือบไปเห็นมีคนรีวิว OpenBSD กับ Sparc64 ที่ OSNews ท่าทางก็น่าสนใจดีนะ OpenBSD ปลอดภัยดีด้วย เหมาะจะเอามาทำ server แต่ช้าไปแล้ว เพราะลง gentoo ไปได้ค่อนตัวแล้ว ขี้เกียจกลับลำแล้ว

Linux บน Sun Blade 100

ที่แล็บมี Sun Blade 100 อยู่ 2 เครื่องใช้เป็น server ขนาดเล็ก (ที่จริงอาจจะไม่เหมาะเท่าไหร่ เพราะออกแบบมาให้เป็น workstation มากกว่า) ปกติใช้ Solaris 9 อยู่ แต่พบความลำบากในเรื่องการลงซอฟท์แวร์ เพราะส่วนใหญ่ไม่ได้ใช้ซอฟท์แวร์ของซัน แต่ใช้พวก FOSS เลยทำให้มีปัญหาบางครั้งเวลาคอมไพล์ วันนี้ว่างๆ (ที่จริงก็ไม่ว่างทีเดียวหรอก แต่มีเหตุจากข้างล่าง) เลยกะว่าจะลง Linux ใช้ซะเลยดีกว่า จะได้สะดวกในการจัดการ เพราะเครื่องอื่นที่เหลือเป็นพีซี ใช้ลินุกซ์หมดแล้ว ก็เลยเลือกลินุกซ์มาสองตัว

  • debian - ก่อนจะลงลองอ่านหลายๆ ที่ เขาบอกกันว่าจะต้อง flash prom ซะก่อน ก็เลยจัดการลง prom ตาม patch ของ sun ซึ่งลำบากพอควร เพราะต้องเปิดเครื่องมาเปลี่ยนจัมเปอร์ให้สามารถเขียน prom ได้ก่อน แต่ทำตามซันก็ไม่มีปัญหาอะไร ปัญหามาเกิดตอนบูตด้วย woody แผ่นแรก ยังไม่ทันไรเลย เจอ error ว่า Fast Data Access MMU Miss ไม่รู้คืออะไรเหมือนกัน แต่เริ่มถอดใจ เอางี้ล่ะกัน ลอง gentoo ก่อนดีกว่า เลยเอา 2004.1 มาลอง
  • gentoo - เอา livecd ของ sparc64 มา ทุกอย่างราบรื่น งั้นเปลี่ยนใจมาใช้ gentoo เลยล่ะกัน จริงๆ ไม่ค่อยอยากใช้ เพราะเครื่องนี้ไม่เร็วนัก คงต้องเสียเวลาคอมไพล์นาน สุดท้ายเลือกลงจาก stage3 เพราะกลัวว่าจะต้องรอหลายวัน ตอนนี้กำลังคอมไพล์ kernel 2.6.6 อยู่ไม่รู้จะเป็นยังไงบ้าง หวังว่าคงโอเค

และแล้วเขาก็จากไป

ที่ว่าจากไปนี่หมายถึง server นะครับ ไม่ได้หมายถึงบุคคลหรือสัตว์เลี้ยงแต่อย่างใด เกิดจากที่แล็บมี server อยู่เครื่องหนึ่งเดิมใช้เป็นทั้ง dns และ mail server มีความสำคัญยิ่งยวด ต่อมาเครื่องเริ่มเก่า แล้วก็ยังมีปัญหากับพัดลมของ cpu ซึ่งทำให้เครื่องแฮงค์ไปเฉยๆ บ่อยมาก บทบาทหน้าที่จึงถูกลดลง เป็นเพียงเครื่องสำรองในกรณีที่เครื่องที่ใช้ในปัจจุบันมีปัญหา วันนี้เห็นเครื่องมันค้างอีก เลยจัดการบูตใหม่ ปรากฏว่ามีปัญหาที่ข้อมูลใน prom ทำให้ไม่สามารถบูตเครื่องได้ เป็นอันว่าเขาได้จากไปเป็นที่แน่นอนแล้ว (อาจารย์คงไม่ซ่อมให้แล้วล่ะ เพราะค่าซ่อมแพงพอๆ กับซื้อ pc ใหม่มาทำ server ได้เลย)

25 May 2004

.NET อีกแล้ว

ช่วงนี้ดูเหมือนจะต้องยุ่งเกี่ยวกับ .NET บ่อยๆ เมื่อวานคุยรุ่นน้องที่แล็บแล้วเห็นว่าอยากได้ line control สำหรับ ลากเส้นเชื่อมระหว่าง control อื่นๆ เดิมใช้วิธีลากเส้นเองบน form แล้วมีปัญหาเรื่อง paint เพราะไม่รู้ตรงไหนโดนทับบ้าง ก็เลยต้องเขียนเส้นใหม่หมดทุกรอบ ทำให้การตอบสนองของโปรแกรมช้า ลองไปนั่งอ่านๆ เว็บดู สุดท้ายได้วิธีทำ custom control มา เพียงแค่เขียน onPaint เอง เลยลองทำดู แต่ก่อนจะลากเส้น ต้องคำนวณอะไรเพิ่มนิดหน่อย เพราะ control แต่ละตัวจะมีพิ้นที่เป็นสี่เหลี่ยมกำหนดโดย Top, Left, Width, Height แต่เวลากำหนดตำแหน่งของเส้นอยากกำหนดจุดปลายเป็น (x1,y1) กับ (x2,y2) ก็เลยต้องจับ control เลื่อนไปมา พร้อมกับเปลี่ยนขนาดไปด้วย ตอนนี้ขอแก้อีกนิดหน่อย ถ้าใช้ได้ดีเมื่อไหร่จะเอามาเผยแพร่

เล่นกับรูป

หลังจากคุยกับรุ่นน้อง แล้วก็ลองแต่งรูปที่ถ่ายมาด้วย The GIMP ปรับ level กับ curve ดู (ตามคำแนะนำ) ก็ได้รูปออกมาร้อนแรงขึ้น ดูแปลกตาไปอีกแบบ

23 May 2004

กุหลาบ

วันนี้ไปถ่ายรูปที่ Expo Park มาอีกแล้ว อากาศก็เป็นใจ ช่วงนี้กุหลาบกำลังบาน เลยได้ลอง close-up filter ที่เพิ่งซื้อมาใหม่ อืม...ใช้ได้ดีสมราคา (ไม่แพงจนเกินไป) แถมเป็นการออกกำลังกายด้วย เพราะกว่าจะขี่จักรยาน+เดินไปถึง ก็เริ่มเหนื่อยแล้ว

เอาไว้อีกซักสองอาทิตย์ค่อยไปใหม่ เพราะใกล้เวลา "อะจิไซ" จะบานแล้ว ไปถ่ายแต่กุหลาบนี่ก็ดีนะ เพราะอยู่นอกสวนไม่ต้องเสียค่าผ่านประตู ประหยัดไป 250 เยน หุๆๆ

21 May 2004

.NET

เมื่อวานจะช่วยรุ่นพี่เขียนโปรแกรมเล็กๆ อันหนึ่ง แต่เขาใช้วินโดว์อยู่ ก็คิดไว้ว่าคงต้องใช้ Java เพราะจะเขียน Perl หรือ Python ให้ไปก็คงใช้ลำบาก พอดีนึกได้ว่ามีเครื่องวินโดว์อยู่เครื่องหนึ่งลง Visual Studio .NET เอาไว้ เลยไปลองใช้ C# ดู หลังจากมั่วไปมั่วมาชม.กว่าๆ ก็ได้โปรแกรมออกมา แล้วก็เกิดความรู้สึกว่า มันเหมือน Java ยังกับแกะ ต่างกันอย่างเดียวคือ class library ซึ่งก็คล้ายๆ กันอยู่ดีแหละ แล้วอย่างนี้ Java จะสู้ได้ไหมเนี้ย

ที่จริงก็ได้แตะๆ พวก .NET มาตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว เพราะเจ้ารุ่นน้องคนหนึ่งใช้ VB.NET แล้วชอบมาถามโน้นถามนี่ บ่อยๆ แต่ VB.NET นี่ดีขึ้นเยอะเลยนะ ตัดพวก syntax ประหลาดออกไป แถมยังต้องประกาศ type/class ให้แน่นอนก่อนใช้ ทำให้ดูเป็นผู้เป็นคนขึ้นเยอะ แต่ก็ทำให้ต้องมานั่งนึกว่า เราเป็นพวกหัวเก่าหรือเปล่าหว่า อย่าง VB หรือ Perl ที่คนอื่นๆ เขาว่าเขียนง่ายๆ กัน เรากลับรู้สึกว่ามันยาก มันสับสน เพราะไม่รู้ตัวแปรเก็บอะไรไว้แน่ แบบไม่มั่นใจ เลยพาลให้ไม่ชอบ

20 May 2004

Prolog กับ Internal Data Base

ด้วยความที่อยากใช้ Prolog ทั้งหมดในโปรแกรมที่กำลังเขียนอยู่ เนื่องจากโปรแกรมที่เขียนอยู่ ต้องเก็บข้อมูลจำนวนมาก เดิมก็เก็บไว้ในดาต้าเบสของ Prolog โดยตรง ด้วย assert/1 กับ retract/1 ผลปรากฏว่าโปรแกรมที่ได้ทำงานช้ามาก สุดท้ายเลยต้องจำใจแยกส่วนนี้ออกไปเป็น C แล้วเขียน library มาเชื่อมกับ Prolog วันก่อนกลับมาพยายามแก้ปัญหานี้ใหม่ ลองนั่งอ่านคู่มือการใช้ Prolog ไปเรื่อยๆ (ผมใช้ YAP) ก็เจอ predicate ที่เกี่ยวกับ internal data base มีคำอธิบายไว้สั้นๆ ว่า เอาไว้เก็บข้อมูลที่ต้องการให้เป็น global ใช้แทน assert/retract ได้ แต่ทำงานเร็วกว่า ประหยัดพื้นที่กว่า แต่มีเงื่อนไขว่าจะต้องมี key กำกับ term ทุกตัวที่จะเก็บ (คงใช้ hash table แหละ ส่วนโปรแกรมเราก็มี key อยู่แล้ว ไม่ยาก)

สุดท้าย อยากรู้ว่าเร็วกว่าแค่ไหน เลยลองเอาเขียนโปรแกรมมาเทียบกัน ลองเก็บ term จำนวน 100,000 ตัว แล้ว ดึงกลับมา โดยใช้สองวิธี ปรากฏว่า วิธีปรกติ (assert/retract) ใช้เวลา 5:52 นาที ถ้าใช้ idb จะลดเหลือ 2:52 นาที เร็วกว่ากันเยอะแฮะ แต่ก็มีข้อจำกัดแหละ ถ้าใช้ idb ก็ไม่สามารถ unify หรือ query หาค่าของตัวแปรแบบปกติได้ ซึ่งเราไม่ต้องการอยู่แล้ว (ที่จริงถ้าเขียน predicate อีกตัวมาครอบไว้ ก็พอจะทำได้เหมือนกันแหละ)

18 May 2004

ปลอดโปร่ง

วันนี้ดูท่าจะเป็นวันที่รู้สึกปลอดโปร่งที่สุดในช่วงนี้ เพราะลองเอา gotmail มาลงอีกรอบ แล้วใช้งานได้ดี (เดิมเคยลอง แล้วใช้ไม่ได้เพราะ hotmail เปลี่ยนวิธี login) ทำให้สามารถโหลดเมลเก่าๆ ทั้งหมดมาเก็บไว้ได้ แล้วต่อไปก็ยังสามารถดึงเมลมาอ่านได้ทันที ไม่ต้องเข้าเว็บให้ยุ่งยาก เป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปี (ตั้งแต่มาอยู่ญี่ปุ่น) ที่เนื้อที่ใน hotmail เป็นศูนย์ ต่อไปคงจะเช็คเมลที่ hotmail ได้ซักที ปกติไม่ค่อยเช็คเพราะมีแต่ Junk แล้วก็เบื่อที่จะใช้ web ซึ่งยุ่งยาก ใช้ thunderbird สะดวกกว่ากันเยอะ

แก้ปัญหารางวัลหนึ่งล้านเหรียญ

เมื่อกี้ไปฟัง colloquium (แปลเป็นไทยว่าอะไรดีเนี้ย สัมมนา?) ประจำเดือนของภาควิชามา มีคุยกันเรื่องสมการของไหล (ไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่) แต่สุดท้ายอาจารย์ที่มาบรรยายให้ฟัง พูดถึง Millennium Problems ที่จัดโดย Clay Mathematics Institute ตั้งแต่ปี 2000 สถาบันนี้เขาประกาศ จะให้รางวัลมูลค่าหนึ่งล้านเหรียญ แก่นักคณิตศาสตร์ที่สามารถไขความลับของสมการ Navier-Stokes ซึ่งเกี่ยวกับของไหลได้

นอกจากนี้พอดูๆ ไป ก็เจอปัญหาเกี่ยวกับ P vs NP ด้วย มีปัญหาให้หาวิธีการลื่นๆ (slick method) ที่สามารถเล่นเกม Minesweeper ได้ (เห็นว่าพิสูจน์ได้แล้วว่าเป็น NP-Complete) อ่านๆ ไปก็ อืมๆ เราคงไม่มีสิทธิ์

17 May 2004

ต้มยำกุ้ง

เมื่อวานมีโอกาสได้ไปเผยแพร่ความเป็นไทยเล็กน้อย เนื่องจากคุณเลขา(ของอาจารย์) ชวนไปทานข้าวที่บ้าน นักเรียนต่างชาติ(ไทยกับฟิลิปปินส์) ก็เลยทำอาหารของชาติตัวเองไป ทำต้มยำไปเพราะมีผัดไทยโดยพี่ป๊อบและลูกตาลแล้ว พยายามให้เผ็ดน้อยที่สุดเพราะลูกของเลขายังเด็กอยู่ แต่ด้วยความเคยชินก็เลยใส่น้ำพริกเผาไปสองช้อน ไม่ใส่พริกขี้หนู แต่สุดท้ายก็ยังเผ็ดเกินไปอยู่ดี :) แต่ที่จริงที่ทำต้มยำไปเนี้ย เป็นการเผยแพร่หรือสร้างความสับสนในวัฒนธรรมไทยก็ไม่รู้ เนื่องจากคนญี่ปุ่นส่วนใหญ่รู้จักอาหารไทยอยู่อย่างเดียว คือ ต้มยำกุ้ง (ต้องมีกุ้งด้วยนะ ต้มยำเฉยๆ ไม่รู้จัก) แล้วเรายิ่งทำไปดูเหมือนจะทำให้คนญี่ปุ่นยิ่งคิดว่าต้มยำกุ้งเป็นซุปที่คนไทยต้องกินทุกมื้อ เหมือนกับมิโซะชิหรุของญี่ปุ่น เลยต้องอธิบายไปหน่อย ไม่เหมือนกันนะ เราไม่ได้กินทุกมื้อหรอก ที่บ้านก็ไม่ค่อยทำกินเองด้วย

14 May 2004

bibtex2html

เมื่อเย็น (วันศุกร์) ต้องกลับมายุ่งกับ bibtex และ html อีกแล้ว เพราะมีเสียงเรียกร้อง (และสั่งการ) ว่าเว็บที่ทำไป เอาเปเปอร์มาเรียงเป็นพรืด ดูลำบาก น่าจะแบ่งตามปีและแยกประเภทด้วย ตอนแรกก็กะว่าจะลองอ่าน ocaml แล้วแก้เองซักตั้ง แต่ก่อนจะแก้ลองหาโปรแกรมอื่่นๆ ดูอีกที เลยไปเจอ bibtex2html อีกตัวหนึ่ง เขาเขียน python มาแปลง bibtex เป็น bibtexml ซึ่งเป็น xml แล้วค่อยเอา xslt มาแปลงให้เป็น html อีกที มีไฟล์ .xsl มาให้เสร็จเลย เป็นอันว่าเข้าทาง ลง xerces กับ xalan (บน gentoo นี่ลงง่ายดีแฮะ แถมมี java-config มาช่วยกำหนด classpath ให้ด้วย) แล้วก็นั่งแก้อยู่ชม.กว่าๆ ก็ได้ html ออกมาสมใจอาจารย์ ดูๆ ไปแล้ว ทำทุกอย่างให้เป็น xml หมดนี่ก็ดีเหมือนกันนะ จะแก้จะแปลงอะไรก็ใช้ xslt+xpath เอา เร็วดี

Opera 7.5

อ่านข่าวจาก TLWG ว่า Opera ออกเวอร์ชันใหม่ สำหรับลินุกซ์ เลยไปเอามาลอง เวลาลงก็ไม่ยาก ถึงแม้ว่าจะใช้ Gentoo เพราะมี script เตรียมไว้ให้แล้ว ลองเล่นดู (หลังจากที่ไม่ได้ใช้ opera มานาน) ก็ใช้งานง่ายดี ใช้เป็น mail/news client ได้ด้วย (เพิ่งรู้) แถมใช้พวก Javascript ของ IE ได้ด้วย banner ก็ไม่ใหญ่จนเกินไป สรุปว่าดี แต่ยังรู้สึกไม่ชินเพราะใช้ moz มานาน ถ้าถูกกว่านี้อีกหน่อยก็น่าซื้อนะ แหะๆๆ $39 แพงไปหน่อย

Unicode

เมื่อวานคุยกับรุ่นน้องเรื่องการทำ index ภาษาญี่ปุ่น คุยกันเรื่องจุดอ่อนของภาษาละแวกนี้ ที่ใช้ตัวอักษรจีน คือ ไม่สามารถเรียงคำตามเสียงอ่านได้ เพราะไม่รู้ว่าอ่านว่าอะไรกันแน่ ดังนั้นเวลากรอกข้อมูลชื่อ ก็เลยจะต้องให้ช่วยกรอกคำอ่านไปด้วย (ชื่อคนญี่ปุ่นนี่แหละปัญหาใหญ่ เพราะไม่รู้ว่าอ่านว่าอะไรแน่ กำหนดกันตามใจพ่อแม่เป็นส่วนใหญ่) คุยไปคุยมา ก็เลยวกไปถึงเรื่องรหัส ทำให้รู้ว่ารหัสตัวคันจิ (อักษรจีน) ที่กำหนดโดย JIS เขาจะเรียงตามเสียงอ่าน ดังนั้นถ้าเรียงตามรหัสก็จะเรียงตามเสียงได้ถูกต้องระดับหนึ่ง แต่ไม่ทั้งหมด เพราะตัวหนึ่งอ่านได้หลายแบบ แต่ที่นี้ต่อไปถ้าจะใช้ unicode เขาเอาตัวคันจิที่ใช้ในจีน ญี่ปุ่น เกาหลี ไปรวมกันเป็น CJK Ideograph ไม่รู้เรียงกันยังไง แต่คิดว่าคงไม่เรียงตามเสียงอ่านของญี่ปุ่นเหมือน JIS แล้วล่ะ ยิ่งพอดูๆ ตาราง unicode ไป ก็เกิดความประหลาดใจ ว่าทำไมตัวอักษรเกาหลีถึงสามารถยึดพื้นที่ได้เยอะมาก คือตัวอักษรเกาหลี แม้ว่าจะเอาตัวเป็นขีดๆ กลมๆ มาผสมกัน จนดูเหมือนตัวอักษรจีน แต่ลักษณะพื้นฐานเป็นเหมือนพยัญชนะกับสระแบบภาษาไทย คือเป็นไปตามกฎ ทำไมเขาไม่ทำ render engine แบบภาษาอื่นๆ แต่ใช้วิธีสร้างตาราง แล้วสร้างตัวอักษรทุกกรณีที่เป็นไปได้ ยึดตาราง unicode ไปตั้งเยอะ ขนาดพวกตัวอักษรเทวนาครี หรืออาหรับที่ผมรู้สึกว่ามีกฎซับซ้อนกว่า เขาก็ยังพยายาม render กันเลย คงเป็นเพราะ unicode พยายามยึดมาตรฐานเดิมของแต่ละประเทศล่ะมั้ง ว่ากันจริงๆ ตัวคันจิ ก็พอจะ render ได้นะ คงลำบากหน่อย แต่ตัวอักษรเกาหลีผมว่าวิธีเขียนก็ไม่ยุ่งยาก แถมเวลาอินพุตเขาก็พิมพ์เข้าไปเป็นส่วนๆ อยู่แล้วด้วย