29 July 2004

องค์บาก

องค์บากเข้ามาฉายในญี่ปุ่นได้เกีอบอาทิตย์หนึ่งแล้ว ที่นี่ตั้งชื่อหนังว่า มัค (Mach) ทีเป็นหน่วยวัดความเร็วเทียบกับความเร็วเสียงนั่นแหละ (อยากรู้เหตุผลเหมือนกัน แต่หาตามเน็ตแล้วไม่เห็นมีพูดถึงเลย) วันนี้ลองไปดูจัดอันดับหน่อยว่าความนิยมเป็นอย่างไรบ้าง ผลจาก yahoo.co.jp ซึ่งดูรายได้ในช่วงวันสุดสัปดาห์ที่แล้ว ปรากฏว่าได้อับดับเจ็ด ไม่เลวแฮะ เมื่อเทียบกับหนังฮอลลี่วู้ดดังๆ ทั้งหลายแหล่ ไม่ว่าจะเป็นแฮรี่ พอร์ตเตอร์, สไปเดอร์แมน2, เชร็ค2, คิงอาร์เธอร์ ซึ่งเข้าโรงมาในช่วงเดียวกัน รวมทั้งยังต้องแข่งกับการ์ตูนญี่ปุ่นอีก 2 เรื่อง คือ โปเกมอน กับสตรีมบอย (ตอนนี้กำลังพยายามหาข้อมูลรายได้อยู่) จะว่าไปแล้วองค์บากก็ไม่ใช่หนังไทยเรื่องแรกที่เข้ามาฉายที่ญี่ปุ่น สตรีเหล็กก็เคยสร้างความฮือฮามาแล้ว หรือตอนนี้ถ้าไปเดินตามร้านเช่าวีดีโอทั่วไป ก็จะหาสตรีเหล็ก หรือตลก69 เช่าได้ไม่ยากนัก

องค์บากเน้นจุดขายที่มวยไทย (ซึ่งคนญี่ปุ่นส่วนใหญ่มักจะรู้จัก) กับการแสดงจริงๆ ไม่ใช้คอมพิวเตอร์กราฟิก หรืออะไรมาช่วย กับเนื้อเรื่องที่เข้าใจได้ง่ายๆ ก็คงจะเรียกความสนใจได้ไม่น้อย แต่ฟังข่าวจากทางทีวีหลายๆ ช่องแล้ว รู้สึกแปลกๆ หน่อยตรงที่ ทำไมชื่อนักแสดงนำเปลี่ยนจาก พนม จา (ถ้าจำไม่ผิด) กลายเป็น โทนี่ จา ไปได้ สงสัยจะได้ชื่อนี้มาจากฮ่องกงแน่เลย

27 July 2004

Gentoo Linux 2004.2

ได้ข่าวจากทั้ง ltn และ slashdot.jp เรื่อง Gentoo Linux ออกเวอร์ชันใหม่ 2004.2 ใน  slashdot.jp มีคุยกันเยอะ แล้วก็มีคนเห็นเหมือนเราเยอะเหมือนกันแฮะ เพราะเรารู้สึกว่า Gentoo เป็นดิสตริบิวชันที่ใช้งานได้ดี ดูแลจัดการงาน ได้ดั่งใจ ทุกวันนี้ก็ใช้เป็นทั้ง server และ desktop ที่แล็บและที่บ้าน เรียกว่าใช้เกือบตลอดเวลาที่อยู่หน้าคอม ยกเว้นเวลาที่จะต้องทำเอกสาร ก็จะต้องไปใช้ Windows ตามที่บ่นไปแล้วใน blog ก่อน จะว่่า Gentoo ดีทั้งหมดก็คงจะไม่ได้ เพราะจุดอ่อนของ Gentoo ก็คือจะลงโปรแกรมใหม่ซักโปรแกรมหนึ่ง จะต้องคอมไพล์จากซอร์ส ทำให้ค่อนข้างเสียเวลา (ที่แล็บ ไม่ค่อยเท่าไหร่ เพราะใช้ distcc ช่วยได้เยอะ)

แต่จุดที่ทำให้ยังใช้ Gentoo ก็เพราะความสะดวกในการตั้งค่าต่างๆ นั่นแหละ ส่วนใหญ่จะเก็บรวมกันไว้ใน /etc/conf.d ทำให้หาง่าย แล้วก็แก้ไขได้เอง ผ่าน editor ธรรมดาๆ อย่าง vi ทำให้สะดวกมาก ที่จริงเคยพยายามจะกลับไปใช้ Fedora Core หรือไม่ก็ไปใช้ SuSE นะ แต่ลองแล้ว ก็ยังไม่ได้ดั่งใจ ความสะดวกสำหรับผู้ใช้ใหม่ ทำให้ Fedora Core พยายามสร้างระบบมาซ้อนเพื่อเก็บค่าต่างๆ แล้วก็ดูเหมือนพยายามจะซ่อนสิ่งเหล่านั้นเอาไว้ (เหมือนบางระบบ) ทำให้ลำบากสำหรับเรา ที่ไม่ชอบใช้อินเตอร์เฟสต่างๆ สำหรับตั้งค่า แต่ต้องการใช้ editor เขียนเอง เพราะรู้สึกว่าสบายใจมากกว่า ที่จริง SuSE ถึงจะใช้ yast แต่ก็พยายามไม่ทำระบบขึ้นมาซ้อน ไม่ซ่อนไฟล์ พยายามอ่านจะไฟล์ตั้งค่าเดิมๆ แต่เรารู้สึกว่า SuSE มันช้าไปหน่อย (เมื่อเทียบกับ Gentoo) ใช้ไปแล้วจะรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย ว่าทำไมเครื่องมันช้าไปกว่าเดิม แถม SuSE ยังไม่ยอมทำ Gnome ให้ใช้ด้วย (แหะๆๆ ก็ไม่ชอบใช้ KDE อะ) จะว่าไปแล้ว Debian ก็ได้ดั่งใจนะ ในเรื่องการตั้งค่าต่างๆ แต่ Debian มีจุดอ่อนเรื่อง package เก่าไปหน่อย แหะๆๆ เป็นพวกอยากใช้ของใหม่ ใช้ Debian แล้วมักจะไม่ทันใจวัยรุ่น (ตอนนี้ก็ยังรอ Progeny อยู่นะ อยากรู้ว่าจะเป็นยังไง แต่เห็นยังเป็น beta เลยรออีกซักพักล่ะกัน ไว้ว่างจะเอามาลอง)

24 July 2004

ลอตเตอรีช่วยน้ำท่วม

เมื่ออาทิตย์ที่แล้วเกิดน้ำท่วมใหญ่หลายจังหวัด ทั้งทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และแถวจังหวัดฟุคุอิ ทำให้เกิดความเสียหาย รวมทั้งมีคนเสียชีวิตด้วย ปีนี้อากาศของญี่ปุ่นด้วยเหมือนจะแปรปรวนมากกว่าทุกปี อากาศก็ร้อนจัด แถมยังมีน้ำท่วมแบบเฉียบพลันหลายจังหวัด เมื่อกี้เพิ่งดูข่าวว่ามีคนไม่ประสงค์ออกนามส่งลอตเตอรี่ซึ่งถูกรางวัลมูลค่า 200 ล้านเยน ไปบริจาคให้แก่ผู้ว่าราชการจังหวัดฟุคุอิ เพื่อช่วยเหลือผู้ที่ประสบอุทกภัย ผู้ว่าเลยออกมาแถลงข่าวขอบคุณ เพราะไม่รู้ว่าใครส่งมาให้ เลยไม่รู้จะขอบคุณยังไง

ดูข่าวแล้วนับถือคนที่ส่งลอตเตอรีไปจริงๆ อย่างเราคงทำไม่ได้อะ (แต่จริงๆ ก็ไม่รู้จะเอาโชคที่ไหนไปบริจาคด้วย เพราะไม่เคยซื้อเลย) ที่จริงเห็นข่าวแว่บๆ ตั้งแต่ตอนกลางวันแล้วล่ะ แต่ไม่ได้สนใจ เลยเห็นเป็นแค่ลุงคนหนี่ง เอารูปลอตเตอรีมาถือโชว์ไปมา เพิ่งได้ฟังละเอียดๆ เมื่อกี้นี้เอง

21 July 2004

รำพึงรำพัน

ผมจากสังคมไทยมาหลายปีจนกระทั่งทุกวันนี้รู้สึกว่าตัวเองไม่ค่อยรู้ความเป็นไปในเมืองไทยเท่าไหร่ คือ รู้แค่จากข่าวสารน่ะ แต่ไม่มีรู้เรื่องในสังคมการทำงานที่เมืองไทย อาจจะแค่ได้ฟังจะคนรอบๆ บ้างแค่นั้น แต่ไม่เคยได้สัมผัสจริงๆ เท่าไหร่นัก อย่างไรก็ดีผมมักจะได้ยินเสียงจากรุ่นพี่ที่กลับไปเมืองไทยว่า ดูเหมือนสังคมไทยจะคาดหวังกับคนที่จบปริญญาเอกไว้เยอะ ประมาณว่าน่าจะรู้ และเข้าใจอะไรทุกๆ อย่าง จริงๆ แล้วถึงแม้ผมจะจบมาแล้ว แต่ผมก็ไม่รู้อะไรเท่าไหร่หรอก ผมมีความรู้แค่จุดเล็กๆ นิดเดียวเท่านั้น แต่ผมมั่นใจว่าจุดเล็กๆ นี้ ผมรู้ดีที่สุดในโลก แต่อย่าคาดหวังว่าจุดเล็กๆ นี้มันจะมีประโยชน์ใหญ่หลวงต่อประเทศชาติหรือมนุษยชาติ ผมแค่เชื่อมั่นว่าถ้ามันได้รับการพัฒนา สักวันหนึ่งมันอาจจะมีประโยชน์มากกว่าที่เป็นอยู่ หรือท้ายที่สุดแล้วผมอาจจะรู้เพียงว่าจุดเล็กๆ นี้ไม่มีประโยชน์ไปกว่าที่เป็นอยู่ในทุกวันนี้ แต่ผมก็พร้อมที่จะวุ่นกับเจ้าจุดเล็กๆ นี้ต่อไป แต่สักวันหนึ่งผมอาจจะเลิกรักมัน แล้วหันไปหาจุดเล็กๆ จุดใหม่ก็ได้ ถ้าจุดใหม่นั้นน่าสนใจกว่า

20 July 2004

PiBench บน Opteron

หลังจากเลิกเห่อ blog ทำให้ไม่ได้เขียนตั้งนาน วันนี้เขียนซักหน่อยดีกว่า ดูในสถิติแล้ว มีคนเข้ามาอ่านวันละอย่างน้อย 3-4 คน มาจากไหนกันเนี้ย นอกจากเพื่อนไม่กี่คนแล้ว ไม่ค่อยได้โปรโมตเลย เพราะรู้สึกว่าเขียนเรื่อยเปื่อย ไม่ค่อยมีสาระเท่าไหร่ แต่ถ้าใครเข้ามาอ่านแล้ว ก็ส่งเสียงมาหน่อยนะครับ

วันนี้กลับมาแตะ opteron อีกครั้งหลังจากยุ่งๆ กับเรื่องเบ็ดเตล็ดในช่วงอาทิตย์ที่แล้ว จริงๆ ยังมีเปเปอร์ที่ต้องแก้ แต่ยังแก้ไม่เสร็จเลย แต่ขอเส่นซักหน่อยก่อนละกันนะ ลองเอา PiBench ของพี่ฮุ้ยมารันดู ได้

real    0m0.122s
user    0m0.121s
sys     0m0.000s

เทียบกับเครื่องอื่นๆ แล้วเร็วดีแฮะ ใกล้เคียง Cray เลย อย่างนี้โปรแกรมงานวิจัยเรา น่าจะเร็วขึ้นเยอะเหมือนกัน เอาไว้จัดการเปเปอร์เสร็จแล้ว คงจะได้ฤกษ์ทำผลการทดลองใหม่

12 July 2004

MS Office

หลังจากบ่นไปในโพสท์ที่แล้ว วันก่อนนั่งคุยกับอาจารย์เรื่อง MS Office เลยขอมาบ่นต่อ คุยกับอาจารย์ว่าทำไมพวกธุรการของสถาบัน เขาถึงบังคับให้ใช้จังเลย ประมาณว่าเวลากรอกเอกสารต่างๆ ก็ให้ใช้ MS Word หรือไม่ก็ Excel ทั้งๆ ที่มันไม่จำเป็น แค่ Text file ก็พอแล้ว คุยกับแกแล้ว อาจารย์แกก็คิดเหมือนกัน ของแกยิ่งมีเมลมาเยอะมาก การส่งไฟล์ Word มา เหมือนเป็นการเพิ่มงานให้แก เพราะต้องคลิกเปิดต่างหากแทนที่จะดูได้ทันทีในเมลเลย เสียเวลาโดยใช่เหตุ นอกจากนี้ยังได้ข้อมูลว่า มีอาจารย์บางคนเคยใช้ Ichitarou ซึ่งเป็นโปรแกรม Word Processor ของญี่ปุ่น ที่อ่านไฟล์ MS Word ได้ และมีพรีวิวให้ ทำให้สะดวกในการอ่านเมล พอตอบเมลไป ปรากฏว่ารูปแบบเปลี่ยนไป ไม่เหมือนเดิม เลยโดนธุรการโวยวาย สุดท้ายก็ต้องกลับมาใช้ MS Word เหมือนเดิม

เฮ้อ....สุดท้ายเป็นเพราะความสะดวกของผู้ใช้บางคน (เพราะอาจารย์บอกว่าธุรการเขาไม่คิดจะเปลี่ยน ไปใช้โปรแกรมอย่างอื่น เพราะใช้ไม่เป็น) ทำให้คนส่วนใหญ่ต้องลำบาก จะมีวิธีการที่สามารถรอมชอมทั้งสองฝ่ายไหมเนี้ย จะว่าไปแล้ว ไม่ใช่เฉพาะธุรการของสถาบันหรอก ดูเหมือนจะเป็นกันทั้งมหาวิทยาลัยเลย ส่วนโครงการซื้อ Powerbook ตอนนี้ขอดูๆ ไปก่อน อยากได้นะ แต่ก็รู้สึกเสียดายน้อง Linux อยู่ด้วยล่ะ

Banff

อาทิตย์นี้หนีร้อนจากโอซาก้า มาพึ่งเย็นที่แคนาดา (ที่จริงไม่ได้มาเที่ยวหรอก มาแสดงผลงานแหละ ไม่งั้นคงลางานเป็นอาทิตย์ไม่ได้) งานประชุมนี้จัดที่เมือง Banff เมืองท่องเที่ยวที่อยู่ในรัฐ Alberta เมืองนี้เป็นที่ราบเล็กๆ อยู่ท่ามกลางเทือกเขาร็อคกี้ เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำหรับคนที่ต้องการเดินเขาหรือล่องทะเลสาบชมธรรมชาติ หรือถ้าเป็นช่วงฤดูหนาวก็เหมาะสำหรับเล่นสกี เมืองนี้สมเป็นเมืองท่องเที่ยวจริงๆ เพราะมีแต่ร้านขายของที่ระลึกกับร้านอาหาร แล้วก็โรงแรม หาร้านขายของชำยากมาก ดูแล้วก็เหมาะกับการจัดประชุมวิชาการเหมือนกัน แต่หนีเที่ยวใกล้ๆ ไม่ค่อยได้ เนื่องจากไม่มีที่เที่ยวใกล้ๆ (เหมือนจัดงานในเมือง) ถ้าจะหนีเที่ยวก็ต้องหนีกันทั้งวันเลย วันแรกของงานคนก็ยังเยอะดีหรอก แบบว่ารอคิวตักอาหารตอนกินข้าว ไม่ถึงคิวเราซักที พอวันที่สองนี่คนว่างมากๆ พรุ่งนี้วันที่สามที่เราต้องพูด ไม่รู้จะเหลือสักกี่คน เพราะเราโดนให้พูดช่วงสุดท้ายของงานเลย สงสัยจะกลับกันแล้ว หรือไม่ก็หนีเที่ยวหมดแล้วมั้ง (แต่ก็ดี ฮิๆ จะได้ไม่ต้องโดนถามมาก แต่สุดท้ายก็คงโดนอยู่ดีแหละ เพราะหลังจากพรีเซนท์ตอนกลางวันแล้ว เขาจะจัดสถานที่ให้ทุกคน ทำโปสเตอร์มาติดรอให้คนที่สนใจมาคุยด้วย เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น แต่โดนถามตอนนี้คงไม่เท่าไหร่ เพราะยืนคุยตัวต่อตัวไม่ค่อยตื่นเต้นมาก) งานนี้ไม่คนไทยเลยนอกจากเรากับพี่ป๊อบ ที่หลงมาจากโอซาก้าสองคน นอกนั้นเต็มไปด้วยฝรั่งกับคนจีน คนญี่ปุ่นก็น้อยเหมือนกัน

มางานนี้เห็นคนใช้ Powerbook หรือ iBook กันเยอะ ทำให้ชักอยากได้แฮะ ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยมีโน้ตบุคเป็นของตัวเองเลย หุๆ ใช้แต่ของห้องแล็บ อยากได้ Mac เพราะไม่อยากใช้ Windows มีปัญหานานับประการ ตอนนี้ถึงจะเป็นโน้ตบุตก็ใช้ Linux แล้ววันก่อนไปอ่าน blog ของพี่ฮุ้ย เห็นความสามารถของ Tiger ก็น่าสน ไว้กลับไปญี่ปุ่นค่อยคิดอีกที แต่ดูราคาแล้ว ถูกกว่าโน้ตบุคที่ใช้ Windows อีกล่ะ แต่ปัญหาสำคัญที่สุดคือ MS Office ตอนนี้เวลาติดต่อทำการงานทั้งหลายแหล่ต้องใช้ Word กับ Excel เป็นหลัก คือเหมือนโดนบังคับประมาณว่าเวลากรอกเอกสารต่างๆ ต้องกรอกในไฟล์ที่เขาส่งมาให้ จะใช้ OpenOffice.org ก็มีปัญหา เพราะไฟล์ที่ได้จะเพี้ยนไปพอสมควร ครั้นจะไปโวยวายว่าไม่มี MS Office ก็ไม่กล้า แบบว่ายังเป็นแค่เด็กตัวเล็กๆ ทั้งศ. ทั้งร.ศ. ก็เห็นเขายอมใช้กันแต่โดยดี เฮ้อ....วันนี้พล่ามยาวอีกแล้ว เรื่องของเรื่องคือนอนไม่หลับ เพราะวันนี้หนีมานอนกลางวัน แล้วตอนเย็นซดไวน์แดงไปก็หลับไปอีกยก (ไม่รู้ว่าตื่นเต้นเพราะพรุ่งนี้ต้องพูดด้วยหรือเปล่า)

ป.ล. พยายามทำเท่ห์ด้วยการโพสต์ผ่านเมลจาก Banff แต่ไม่รู้เป็นไร มันหายต๋อมไปเลย

01 July 2004

Opteron มาแล้ว

เมื่อวันก่อน Server เครื่องใหม่ที่สั่งซื้อไปมาส่งแล้ว มาพร้อม rack เลยต้องขักชวนชาวคณะมาช่วยกันประกอบ เพราะปีที่แล้วซื้อ server มา 3 เครื่อง แต่ไม่มีเงินซื้อ rack ต้องอาศัยวางกองไว้บนโต๊ะ พอได้ rack จับทั้งหมด ยัดไป แล้วทำให้ห้องเครื่องเรียบร้อยขึ้นเป็นกอง แต่กว่าจะประกอบเสร็จก็เล่นเอาแย่เหมือนกัน เพราะเขาไม่ยอมพิมพ์วิธีประกอบมาให้ ต้องเอา CD มาเปิด pdf อ่านเอง เฮ้อ...ซื้อมาก็ตั้งแพง พิมพ์หนังสือให้สักเล่มก็ไม่ได้ (ถ้าคิดในทางที่ดีก็ถือว่าช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมล่ะกัน เพราะถึงพิมพ์ให้มา ก็ใช้อ่านรอบเดียว แล้วก็คงกองๆ ไว้ ไม่ได้ใช้ประโยขน์อีกแน่ๆ)

Server ที่เพิ่งได้มาใช้ Opteron 2.2GHz 2 ตัว แรม 6GB (แค่แรมนี่ก็เกินครึ่งหนึ่งของราคาเครื่องแล้ว) เนื่องจากวันนี้ยุ่งๆ กับการเตรียมพรีเซนท์เลยยัง install ไม่ได้เสร็จเลย OS ที่ใช้ก็เหมือนเดิม คือ Gentoo Linux เพราะสนับสนุน amd64 แล้ว แต่พอเริ่มลงก็เจอปัญหาเลย เพราะพอบูตจาก LiveCD แล้วเลือก kernel แบบ smp เพราะจะได้สนับสนุนโปรเซสเซอร์ 2 ตัว ปรากฏว่าค้างไปเลย เลยต้องกลับมาเลือกแบบธรรมดา ถึงจะบูตมาได้ แล้วทุกอย่างก็ดูราบรื่น ไม่ว่าจะเป็นพวก gcc หรือ glibc ก็คอมไพล์ผ่านหมด kernel ตัวใหม่ก็ไม่มีปัญหา ตอนนี้ลงทุกอย่างเกือบเสร็จแล้ว (เหลือบูตใหม่จากฮาร์ดดิสก์แล้วลอง) คิดว่าน่าจะใช้ smp ได้ตามปกติ ไว้ว่างๆ หลังจากช่วงวิกฤตนี้อีกซักหน่อย คงจะได้จัดการให้เป็นเรื่องเป็นราว (รายละเอียดการ install กะว่าเอาไว้จะเอาไปเล่าแถว plone ของ ltn) จะได้เอามาใช้รันโปรแกรมของเรา อยากรู้จังว่ามันจะเร็วกว่า Xeon 3.2GHz ซักเท่าไหร่