09 February 2005

Trento และ Venice

Trento และ Venice

ช่วงนี้ไม่ได้เขียนบลอคเลย เพราะชีพจรลงเท้าเพิ่งไปพรีเซนท์งานที่อิตาลีมา แล้วตอนนี้ก็ยังหนีกลับเมืองไทยอีก แหะๆๆ นอกจากนี้กลับมาจากอิตาลี ก็มีงานใช้แรงงาน คือทำห้องทำงานตัวเองให้ว่าง เพราะได้เงินมาปรับปรุงห้องใหม่ งานนี้ได้พี่ป๊อบกับเด็กๆ ช่วย ทำให้เสร็จเร็วกว่าที่คิดมาก ประมาณว่าทิ้งแหลก เพราะส่วนใหญ่เป็นของที่อ.คะชิฮะระทิ้งไว้ทั้งนั้นเลย แถมวันนี้ (8 ก.พ. 2548) ยังต้องเป็นช่างไฟ ต่อไฟจากคัทเอาท์ แล้วก็ยกเซิร์ฟเวอร์ต่างๆ มาไว้ห้องใหม่ เพราะจะทำห้องเก่าเป็นห้องพักนักเรียน (ด้วยเงินก้อนเดียวกัน) เล่นเอาเหนื่อย เพราะเซิรฟเวอร์ตัวหนึ่ง แค่ปิดแล้วย้ายมาเปิดใหม่ การ์ดจอก็ไม่ทำงานซะดื้อๆ ต้องไปงัดการ์ดจอจากเครื่องที่ไม่ใช้แล้วมาใช้แทนไปพลางก่อน สงสัยจะได้เวลาเปลี่ยนเซิร์ฟเวอร์แล้วล่ะมั้ง เฮ้อ...เกิดมาเป็นโจชุนี่ต้องทำได้ทุกอย่างจริงๆ

วันนี้บ่นยาวเลยแฮะ เข้าเรื่องตามหัวข้อดีกว่า อาทิตย์ที่แล้วไปพรีเซนท์ในงาน SAINT2005 มา ที่จริงงานนี้เป็นงานเกี่ยวกับอินเตอร์เน็ต แต่บังเอิญมี workshop หนึ่งที่เกี่ยวกับงานที่ทำอยู่ แล้วอาจารย์อยากให้ส่ง ก็เลยส่งไป แล้วก็ผ่าน เลยได้มีโอกาสไปเหยียบทวีปยุโรปบ้าง หลังจากไปแต่ทวีปอเมริกา งานจัดที่เมืองเทรนโต้ในประเทศอิตาลี ซึ่งเป็นเมืองเล็กๆ อีกเช่นเคย ตามสไตล์ของงานประชุมวิชาการ เทรนโต้อยู่ทางภาคเหนือของอิตาลี ตัวเมืองเล็กมากๆ จนสามารถเดินได้ทั่วเมือง แต่ด้วยความที่เป็นเมืองเล็ก ทำให้การเดินทางไปจากโอซากาค่อนข้างลำบาก เพราะเมืองนี้ไม่มีสนามบิน ต้องไปลงสนามบินใกล้ๆ แล้วนั่งรถไฟต่อเอา ซึ่งสนามบินใกล้ๆ ก็ได้แก่ เวโรนา (Verona) เวนิส (Venice) และมิลาน (Milan) แต่บริษัททัวร์แนะนำเวนิส บวกกับความอยากเที่ยวของตัวเองและอาจารย์ ก็เลยเลิอกไปเวนิส แล้วก็เลือกใช้ Lufhansa เพราะเป็น Star Alliance งานนี้เลยต้องไปลงแฟรงค์เฟริทก่อน แล้วเปลี่ยนเครื่องบินไปเวนิสอีกที รวมแล้วใช้เวลาเดินทางนานมากๆ คือ โอซากา-แฟรงค์เฟริท 12 ชม. รอเปลี่ยนเครื่อง 2 ชม. แฟรงค์เฟริท-เวนิส 1.5 ชม. เดินทางไปสถานีรถไฟและรอ 1.5 ชม. รถไฟมาช้า .5 ชม. เวนิส-เทรนโต้ 3 ชม. รวมเวลาตั้งแต่ออกจากบ้านนั่งรถไฟไปสนามบิน และรอเครื่องบินอีก 4 ชม. ทำให้งานนี้จากบ้านถึงเทรนโต้ใช้เวลาเดินทางทั้งสิ้น 24.5 ชม. หรือ หนึ่งวันเต็มๆ เหนื่อยที่สุด ตั้งแต่เคยเดินทางมา

เทรนโต้เป็นเมืองเล็กๆ ที่รักษาความเก่าแก่ไว้ได้อย่างดี เวลาอยู่ในเมืองนี้เหมือนย้อนยุคไปเมื่อซักสองสามร้อยปีที่แล้ว เลยได้ถ่ายรูปกันเต็มที่ เพราะแค่เดินจากโรงแรมไปมหาวิทยาลัยที่จัดงาน ก็ถ่ายรูปได้เด็มที่แล้ว แถมช่วงที่ไปอากาศก็ดี (จะถึงเมืองไทยแล้ว ไว้ค่อยมาเขียนต่อ...)

No comments: