26 October 2004

The Da Vinci Code

เพิ่งอ่านจบหมาดๆ เลยต้องเขียนถึงซักหน่อย ได้ยินชื่อหนังสือเล่มนี้มาซักพักใหญ่แล้ว แต่ไม่ได้สนใจเท่าไหร่ เพราะเป็นโรคไม่กินเส้นกับภาษาอังกฤษในนิยาย จนมีคนชักชวนให้อ่านบอกว่าสนุก ลึกลับ น่าติดตาม เลยต้องหามาอ่านซักหน่อย The Da Vinci Code เป็นเรื่องที่มีพล็อตพื้นๆ พบได้ทั่วไป คือ พระเอกกับนางเอกต้องเอาไปพัวพันกับเหตุการณ์ฆาตกรรมภัณฑารักษ์ของพิพิธภัณฑ์ลุฟร์ ซึ่งโยงไปยังเรื่องลึกลับที่ทุกคนคาดไม่ถึง เหมือนหนังฮอลลีวูดทั่วๆ ไป แต่จุดสนใจคือรหัสหรือข้อความที่ภัณฑารักษ์ทิ้งไว้ก่อนตาย ตัวเอกของเรื่องจะต้องถอดรหัสต่างๆ ที่ถูกทิ้งเอาไว้ เป็นจุดกระตุ้นความสนใจ เพราะทำให้อยากรู้ว่ามีอะไรซ่อนอยู่่ นอกจากนี้เนื้อหายังเชื่อมโยงกับสิ่งของและสถานที่ที่มีอยู่จริง และเกี่ยวข้องกับต้นกำเนิดของคริสตศาสนา ผมว่าผู้เขียนต้องทำงานหนักมาก เพื่อเชื่อมโยงสิ่งต่างๆ เข้าด้วยกัน เพื่อสร้างจุดเด่นของนิยาย

ส่วนเรื่องภาษาอังกฤษ ศัพท์ต่างๆ ไม่ยากอย่างที่คิด แต่ที่ลำบากคือมีภาษาฝรั่งเศสเยอะมาก เพราะเหตุการณ์ค่อนเรื่องเกิดในฝรั่งเศส ส่วนใหญ่ต้องเดาเอาจะบริบทหรือรากศัพท์ เพราะคนแต่งแกไม่ยอมแปลไว้ให้เลย เอ..หรือว่าจงใจให้เดาก็ไม่รู้ ก่อนอ่านนิยายเล่มนี้ก็มีคนเตือนเหมือนกันว่า เนื้อเรื่องเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ในยุโรป และคริสตศาสนา ทำให้เข้าใจยาก แต่พออ่านแล้ว ไม่ยากอย่างที่คิด เรื่องที่พูดถึงส่วนใหญ่เคยได้ยินมาแล้ว (จากในห้องเรียนสมัยม.ต้น และหนังสือทั่วๆ ไป) ส่วนเรื่องที่ลึกจริงๆ ก็มักจะมีคำอธิบายตามมาเสมอ (เพราะตัวเอกในเรื่องก็ไม่รู้เหมือนกัน) เลยไม่ยากอย่างที่คิด

อ่านจบแล้ว อยากไปเที่ยวฝรั่งเศสจริงๆ ถ้าได้ไปคงต้องพกหนังสือเล่มนี้ไปด้วย แล้วก็เที่ยวตามหนังสือเลย อืม...แต่อ่านหนังสือแปลอีกซักรอบก็คงจะดีนะ เพราะรอบแรกรีบอ่านไปหน่อย คงตกรายละเอียดไปเยอะ แหะๆๆ มัวแต่อยากรู้ ว่าเรื่องมันจะเป็นยังไง ใครอยู่เบื้องหลัง

No comments: